ภายในปีนี้กลุ่มนักลงทุนซาอุดิอาระเบีย ซึ่งรวมถึงธนาคารอิสลามเพื่อการพัฒนา (Islamic Development Bank-IDB) จะเริ่มดำเนินตามแผนการลงทุนด้านเกษตรกรรมในแอฟริกา มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนข้าวนำเข้าสู่ตะวันออกกลางและสร้างความมั่นคงให้กับผลผลิตภายในประเทศ เช่น ข้าวและข้าวสาลีโดยปีที่แล้วซาอุดิอาระเบียนำเข้าข้าวประมาณ 1 ล้านตัน นอกจากนี้ ยังมีวัตถุประสงค์ในการเพิ่มผลผลิตข้าวให้เพียงพอต่อความต้องการของแอฟริกา ที่ขาดแคลนถึง 2 ล้านตันต่อปี
Salim Lalani ผู้นำกลุ่มนักลงทุนของบริษัทเอกชนซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงทุนในโครงการนี้ กล่าวว่า โครงการนี้เรียกว่า 7x7 ซึ่งหมายถึงการพัฒนาและปลูกข้าวในพื้นที่ 700,000 เฮกตาร์ ระยะเวลา 7 ปี ผลผลิต 7 ล้านตัน โดยทางกลุ่มนักลงทุนกล่าวกับสำนักข่าว Reuters ว่า เรามีเป้าหมายที่จะลงทุนใน 3-4 ประเทศ ดังนี้ สาธารณรัฐมาลี สาธารณรัฐเซเนกัล ซูดาน และอูกันดา
การศึกษาความเป็นไปของโครงการนี้จะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้ จากนั้นจะเริ่มดำเนินการทดสอบในแถบพื้นที่ใกล้ลุ่มแม่น้ำ Niger ประเทศสาธารณรัฐมาลี บนพื้นที่ 5,000 เฮกตาร์ก่อน ส่วนโครงการจริงในระยะเริ่มต้นจะครอบคลุมพื้นที่ 50,000 - 100,000 เฮกตาร์ และจะแบ่ง 20,000 เฮกตาร์ สำหรับการปลูกข้าวที่มีต้นทุน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากนั้นค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆใน 7 ปี ตามเป้าหมาย
ซาอุดิอาระเบียคาดว่าจะสามารถเริ่มต้นโครงการได้อย่างเต็มตัวในสิ้นปีนี้ เพื่อช่วยลดปัญหาวิกฤตการขาดแคลนอาหาร เพิ่มผลผลิตทางการเกษตร และปรับปรุงการผลิตข้าวตามเป้าหมายขององค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศอิสลาม (OIC) และสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมของอิสลาม (ICCI) อย่างไรก็ตามทางซาอุดิอาระเบียยังไม่มีการกล่าวถึงลักษณะการถือครองหรือแบ่งสัดส่วนเรื่องที่ดิน
รัฐบาลซาอุดิอาระเบียหันมาผลักดันให้บริษัทต่างๆลงทุนในด้านเกษตรกรรมในต่างประเทศ หลังจากมีมติเมื่อปีที่แล้วลดการเพาะปลูกข้าวสาลีลง 12.5% ต่อปี และยกเลิกการลงทุน 30 ปี ในโครงการการเพาะปลูกพืชในประเทศให้พอเพียงต่อการบริโภคโดยไม่ส่งผลกระทบต่อการขาดแคลนน้ำ และเมื่อเดือนมกราคม 2252 รัฐบาล ระบุว่า เอธิโอเปีย ยูเครน อียิปส์ สาธารณรัฐซูดาน สาธารณรัฐคาซัคสถาน ฟิลิปปินส์ และเวียดนามเป็นประเทศที่น่าจับตามองในการลงทุน ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มนักลงทุนบางส่วนได้เริ่มลงทุนแล้ว
