กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยได้ขอเจรจาชดเชยกับสหภาพยุโรปหรืออียู จากสาเหตุเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมา อียูได้แจ้งต่อองค์การการค้าโลกว่าจะปรับเปลี่ยนอัตราภาษีและระบบการนำเข้าสินค้าไก่หมักเกลือ เนื้อไก่ปรุงสุก และเนื้อไก่งวงปรุงแต่งหรือทำไว้ไม่ให้เสีย จากเดิมใช้ระบบภาษีเพียงอย่างเดียว มาเป็นการจัดเก็บภาษี 2 ระบบคือ ภาษีสำหรับสินค้าที่นำเข้าในโควตาและนอกโควตา โดยจะเก็บภาษีในโควตาสำหรับไก่หมักเกลือ 15.4 % ไก่ปรุงสุก 10.9% และ ไก่งวง 8.5% ส่วนภาษีนอกโควตาเป็น 1,300 ยูโร/ตัน และ 1,024 ตัน สำหรับไก่ปรุงสุกและไก่งวง ซึ่งการปรับเปลี่ยนดังกล่าวส่งผลกระทบต่อไทย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกไก่รายใหญ่ในตลาดอียู ไทยจึงขอเจรจาชดเชยกับอียุตามที่ความตกลงแกตต์เปิดโอกาสให้ประเทศผู้มีส่วนได้เสียขอเจรจาชดเชยจากอียูได้ ซึ่งกรณีของประเทศไทยมีสิทธิเจรจาในสินค้าไก่หมักเกลือและไก่ปรุงสุก
ทั้งนี้ ในการเจรจาอย่างเป็นทางการกับผู้แทนสหภาพยุโรป ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 22-23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ประเทศไทย สามารถสรุปผลการเจรจาได้ โดยอียูตกลงกำหนดโควตารวมไก่หมักเกลือ จำนวน 264,245 ตัน ซึ่ง 92,610 ตัน เป็นโควตารายประเทศสำหรับประเทศไทย อัตราภาษีในโควตา 15.4% อัตรา ภาษีนอกโควตา 1,300 ยูโรต่อตัน สำหรับไก่ปรุงสุก อียูตกลงกำหนดโควตารวมจำนวน 250,953 ตัน ซึ่ง 160,033 ตัน เป็นโควตารายประเทศสำหรับไทยและลดอัตราภาษีในโควตาให้ไทยจาก10.9 %เป็น 8% อัตราภาษีนอกโควตา 1,024 ยูโรต่อตัน
ผู้จัดการ