สถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ (สมมช.) นำร่องเปิดตัวสินค้าใหม่ ไหมอินทรีย์ เจาะตลาดสหภาพยุโรป สร้างมูลค่าเพิ่มสูงกว่าไหมธรรมดาถึง 30% ตั้งเป้าเร่งขยายกำลังผลิตไหมอินทรีย์ภายใน 5 ปี เผยแนวโน้มส่งออกผ้าไหมไทยปี 2552 ลดเหลือ 1,000 ล้านบาท จากปี 2551 อยู่ที่ 1,500 ล้านบาท
นายประทีป มีศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันหม่อนไหมฯ เปิดเผยว่า ทางสถาบันเตรียมเปิดเผยตัวสินค้าใหม่ ผ้าไหมอินทรีย์ ในระหว่างการจัดงาน Thai Silk: Culture Heritage เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมผ้าไหมของไทย ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ตามคำรับเชิญจากยูเนสโก ระหว่างวันที่ 18-20 พฤษภาคมนี้
ผ้าไหมอินทรีย์ซึ่งเป็นสินค้าใหม่ของไทย มีลักษณะเด่น คือเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าเพื่อสุขภาพที่ผ่านกระบวนการผลิตในระบบเกษตรอินทรีย์ ตั้งแต่การปลูกใบหม่อน มาเลี้ยงตัวไหม เส้นไหมถูกย้อมด้วยสีจากธรรมชาติ ไปจนถึงขั้นตอนการทอเป็นผ้าไหม โดยไม่ได้มีสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้องเลย ทำให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ผลิตและผู้ใช้
สำหรับปีนี้ทางสถาบันวางแผนแนะนำสินค้าใหม่นี้เข้าสู่ตลาดโลก ผ่านงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และแอฟริกาใต้ นอกจากนี้ยังวางแผนเปิดเว็บไซต์ รวมทั้งมีการเปิดห้องเจรจาซื้อขายผ่านทางอินเทอร์เน็ตเป็นเวลา 1 ปี
ปัจจุบันมีการส่งเสริมการผลิตผ้าไหมอินทรีย์ ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย เชียงใหม่ อุบลราชธานี นราธิวาส โดยตั้งเป้าหมายว่าภายใน 5 ปีข้างหน้า จะเร่งขยายกำลังผลิตไหมอินทรีย์ในสัดส่วน 3% ของการผลิตผ้าไหมทั่วประเทศ รวมทั้งเร่งวิจัยแปรรูปไหมอินทรีย์เพื่อสร้างมูลค่าในลักษณะต่างๆเพิ่มขึ้น เช่น ผ้าอ้อมเด็กอินทรีย์ ผงไหมอินทรีย์สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ฯลฯ
