Datamonitor ระบุว่าความนิยมในการผลไม้แปลก มีเอกลักษณ์ นำไปสู่การเพิ่มการบริโภคผลไม้และผักในสหราชอาณาจักร แต่สิ่งที่ตามมาคือการนิยมบริโภคผลไม้กลุ่มที่เรียกว่าผลไม้มหัศจรรย์ หรือ superfruits แทนการบริโภคผลไม้ทั่วไปในมื้ออาหารนั้นควรจะยุติ
รายงานล่าสุดของ Datamonitor การบริโภคผักผลไม้เฉลี่ยในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นจากการรณรงค์ five-a-day campaign ซึ่งเริ่มในปี 2545 จาก 94 กิโลกรัม ( 3.1 servings of 80 กิโลกรัมต่อวัน) เป็น 113 กิโลกรัมกิโลกรัม (3.86 servings ต่อวัน)ในปี 2550
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ความสนใจบริโภคผลไม้แปลกหรือผลไม้มหัศจรรย์ซึ่งมีสารแอนตี้ออกซิแดนส์สูง เช่น goji, acai ,ทับทิม อุตสาหกรรมมีการนำเอาผลไม้เหล่านี้มาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เพื่อการตลาดเพื่อรสชาติที่แปลกใหม่และตื่นเต้น นักวิจัยของ Datamonitor อ้างการวิจัยผู้บริโภคของ Mark & spencer เร็วๆ นี้ชี้ว่า 18% ของผู้บริโภคลดการบริโภคผักผลไม้ทั่วไปเพื่อบริโภคผักไม้มหัศจรรย์นี้แทน ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมื้ออาหาร เพราะเมื่อใช้คำว่า super ย่อมต้องได้รับลำดับความสำคัญสูง superfruit ย่อมดีกว่าผลไม้ทั่วไปหากพิจารณาเฉพาะเรื่องสารแอนตี้ออกซิแดนท์อย่างเดียว แต่ถ้าผู้บริโภคทานแต่ superfruit ก็เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารสำคัญอื่นๆ ที่พบในผลไม้ทั่วไป คำขวัญ five- a-day นั้นไม่ได้หมายถึงการทานผักผลไม้เพิ่มอย่างเดียว แต่หมายถึงการทานผักผลไม้ที่หลากหลายชนิดด้วย การบริโภค เพียงช้อนพูนๆ ช้อนหนึ่งก็เพียงพอแล้ว
superfruit ไม่ได้เป็นที่นิยมในประเทศอื่นๆของยุโรป เช่น สเปน อิตาลี เหมือนกับที่นิยมในสหราชอาณาจักร เนื่องจากประเทศเหล่านั้นมีผักผลไม้ที่อุดมคุณค่าในมื้ออาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนอยู่แล้ว และผู้ประกอบการก็มีส่วนในการชักนำให้ผู้บริโภคซื้อผลผลิต superfruit ของตน
ที่มา : NUTRA