สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) ระบุ กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) กำลังพิจารณาแผนฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดนกในสัตว์ปีกเป็นครั้งแรก รวมถึงการประเมินผลกระทบต่อภาคการส่งออก
ตามรายงานของสมาคมสัตวแพทย์แห่งอเมริกา (The American Veterinary Medical Association) USDA ต้องใช้งบประมาณกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ชดเชยให้เกษตรกรที่ต้องกำจัดสัตว์ปีกเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัส
จากข้อเสนอเพื่อควบคุมการระบาดโดยกลุ่มผู้ผลิตไข่และไก่งวงผลักดันให้รัฐบาลเร่งประเมินวัคซีนเพื่อหาทางออกในการแก้ปัญหา ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2565 ไก่ ไก่งวง และสัตว์ปีกกว่า 175 ล้านตัวถูกกำจัดเพื่อควบคุมการระบาด ถือเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉินด้านสุขภาพสัตว์ที่รุนแรงที่สุดในประเทศ
นอกจากนี้ การกำจัดไก่ไข่ส่งผลให้ราคาไข่ในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในปี 2568 ทำให้ร้านค้าต้องจำกัดปริมาณสินค้า ขึ้นราคาอาหาร รวมถึงผู้ผลิตอาหารที่ต้องเพิ่มการนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น ตุรกี บราซิล และเกาหลีใต้
USDA ประกาศว่าจะใช้งบประมาณสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการวิจัยวัคซีนและวิธีการรักษาอื่น ๆ เพื่อต่อสู้กับไข้หวัดนก หลังจากประสบปัญหาราคาไข่ในประเทศพุ่งสูงขึ้น ซึ่งปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา USDA ได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลาง หน่วยงานรัฐ และภาคอุตสาหกรรมพัฒนาแผนงานที่มีศักยภาพเพื่อนำมาปรับใช้ และเพื่อให้ผู้นำเข้าประเมินได้ว่าการฉีดวัคซีนในสัตว์จะเป็นข้อจำกัดด้านการค้าหรือไม่ คาดว่าจะเสร็จสิ้นในเดือนกรกฎาคมนี้
ด้านเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่และไก่งวงหลายรายกล่าวว่าพวกเขาจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเพื่อปกป้องสัตว์เลี้ยงในฟาร์ม ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐและบริษัทผลิตเนื้อไก่เกิดความกังวลว่าการฉีดวัคซีนอาจมีความเสี่ยงต่อการส่งออกสัตว์ปีกทุกประเภทของสหรัฐฯ หากประเทศต่าง ๆ มีข้อห้ามนำเข้าสัตว์ปีกที่ฉีดวัคซีน เนื่องจากมีความกังวลว่าการใช้วัคซีนอาจทำให้สัตว์ที่ติดเชื้อไม่แสดงอาการป่วยได้
ที่มา : Reuters สรุปโดย : มกอช.
