TH EN
A A A

เทรนด์สุขภาพใหม่ ลดน้ำตาล เพิ่มแป้งทนย่อย

25 กันยายน 2561    ครั้ง

เทรนด์สุขภาพใหม่ "ลดน้ำตาลเพิ่มเเป้งทนย่อย"

ประจำเดือนตุลาคม พ.ศ.2561

 Resistant starch (RS) 

                "แป้งทนย่อย" คือ แป้งที่ไม่ถูกย่อยและไม่ดูดซึมในลำไส้เล็ก เมื่อเข้าสู่ลำไส้ใหญ่จะกระตุ้นการหมักจนได้ผลผลิตเป็นอาหารของเเบคทีเรียที่มีประโยชน์-ช่วยรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้

 

ข้อเท็จจริงจากงานวิจัย...

  ข้อดี   

  1. บริโภคเเป้งทนย่อย 15-30 กรัม/วัน ติดกัน 4 สัปดาห์ : มีโอกาสเพิ่มการทำงานของอินซูลินให้ดีขึ้นระหว่าง 33-50% ลดโอกาสการเกิดโรคเบาหวานประเภท 2 และอัลไซเมอร์

  2.ช่วยให้ผู้รับประทานอาหารอิ่มเร็วขึ้น : ลดโอกาสได้พลังงานเพิ่มจากการกินช่วยลดน้ำหนักทางอ้อม

  ข้อเสีย   

  ผู้บริโภคหลายรายที่เร่งเพิ่ม RS ในมื้ออาหารเกินไป ส่งผลให้ร่างกายย่อยเเย่ลง ท้องอืด-ท้องเฟ้อ

 

วัตถุดิบเปี่ยมเเป้งทนย่อย

  • กล้วยดิบ (8.5 กรัม/100 กรัม) แต่ถ้าทิ้งไว้จนสุก แป้งจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล
  • ถั่วชิกพี ถั่วพินโต (8.5 กรัม/100 กรัม) แม้จะต้มเเล้ว แต่ถ้าเป็นถั่วดิบ อาจมีสูงถึง 20-30%
  • ถั่วลันเตา (3-4 กรัม/100 กรัม)
  • ถั่วเเดง (2 กรัม/100 กรัม)
  • ข้าวกล้อง (1.7 กรัม/100 กรัม)
  • พาสตาโฮลวีท (1.4 กรัม/100 กรัม)

  เทรนด์การบริโภคแป้งทนย่อย  

 ลดน้ำตาล !

Added Sugar "น้ำตาลที่เพิ่มลงในอาหาร"

  • ตัวการสำคัญ "โรคอ้วน-เบาหวาน-ไขมัน-หัวใจ"
  • อดีต มนุษย์บริโภคน้ำตาล 5 กรัม/วัน  ปัจจุบันอาจสูงกว่า 100 กรัม/วัน

 แหล่งสำคัญ : ขนม-เบเกอรี่, ของหวาน-ไอศครีม, ทอฟฟี่-ลูกกวาด, เครื่องดื่มผล-เครื่องดื่มชง

 

เลือกอย่างไรได้อาหาร "หวานเเต่พอดี"

  • อ่านข้อมูล Added Sugar จากฉลากโภชนาการ
  • ส่วนประกอบอาหาร-อ่านให้ "เป็น"
    - ผู้ผลิตอาจเขียน น้ำตาลทราย, กลูโคสไซรัป, ฟรุกโตส ฯลฯ ไว้หลายบรรทัด จนเข้าใจผิดว่า "น้ำตาล" น้อย
    - สารให้ความหวานเเทนน้ำตาล มีทั้ง "ให้" เเละ "ไม่ให้" แคลอรี่