TH EN
A A A

เตือนภัยโรคพืช ที่มาในช่วงหน้าหนาว

27 ธันวาคม 2565    ครั้ง

เตือนภัยโรคพืช ที่มาในช่วงหน้าหนาว

ประจำเดือนมกราคม 2566

                เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ในช่วงหลังการเก็บเกี่ยวข้าว เกษตรกรส่วนใหญ่จะเริ่มทำการเพาะปลูกพืชผัก เพราะในช่วงฤดูหนาวพืชผักจะงอกงามอย่างดี แต่อากาศที่หนาวเย็นบวกกับความแล้ง ที่มีหมอกในตอนเช้า แดดแรงในตอนกลางวัน อากาศเย็นในตอนกลางคืน ระวังโรคพืชที่จะตามมาแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว  ทำให้ผลผลิตน้อย โตช้า ร้ายแรงสุดถึงขั้น ผลผลิตจากลาไปโดยถาวร เรามาดูโรคพืชที่พบได้บ่อยที่สุดว่า  แต่ละโรคเกิดจากเชื้อชนิดไหน มีอาการ และเราควรป้องกันวิธีไหน

โรคราน้ำค้าง

เชื้อสาเหตุ : เกิดจากเชื้อรา Pseudoperonospora cubensis
พบในกลุ่มพืชจำพวก : แตง พืชในตระกูลผักกะหล่ำ
ลักษณะอาการ : มักพบอาการของโรคบนใบที่อยู่บริเวณด้านล่างของต้นก่อน แล้วขยายลุกลามไปยังใบที่อยู่ด้านบน อาการเริ่มแรก บนใบปรากฏแผลฉ่ำน้ำต่อมาแผลจะขยายตามกรอบของเส้นใบย่อย ทำให้เห็นแผลเป็นรูปเหลี่ยมเล็กๆ ต่อมาแผลเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แผลจะขยายติดต่อกันเป็นแผลขนาดใหญ่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือเทาดำ หากอาการรุนแรงจะ ทำให้ใบเหลืองและแห้งตายทั้งต้น พืชที่เป็นโรคจะติดผลน้อย ผลมีขนาดเล็ก คุณภาพของผลจะลดลง หากเป็นโรค ในระยะมีผลอ่อน จะทำให้ผลลีบเล็ก และบิดเบี้ยว
แนวทางการป้องกัน/แก้ไข
     1. ใช้เมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพดีและปราศจากโรค
     2. ก่อนปลูกควรแช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำอุ่น 50 องศา เซลเซียส นาน 20-30 นาที หรือคลุกเมล็ดด้วยสาร เมทาแลกซิล 35% DS อัตรา 7 กรัมต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม
     3. ไม่ปลูกพืชแน่นเกินไป เพราะจะทำให้มีความชื้นสูง
     4. หมั่นกำจัดวัชพืช เพื่อให้มีการถ่ายเทอากาศใน แปลงได้ดี และทำลายแหล่งอาศัยของด้วงเต่าแตง
     5. หมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบโรค เริ่มระบาดพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น ไดเมโทมอร์ฟ 50% WP อัตรา 20 – 30 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือแมนโคเซบ + เมทาแลกซิล-เอ็ม 64% + 4% WG อัตรา 50 - 60 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นให้ทั่วทั้งบนใบและใต้ใบ ทุก 5 - 7 วัน

โรคราแป้ง

เชื้อสาเหตุ : เกิดจากเชื้อรา Oidium sp.
ลักษณะอาการ : พบเชื้อราคล้ายผงแป้งสีขาวเกิดเป็นหย่อมๆ บนใบ มักพบที่ใบส่วนล่างของต้นก่อน ถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสมอาการโรคจะกระจายทั่วทั้งใบ และลุกลามขึ้นไปยังใบส่วนบนของต้น ต่อมาใบค่อยๆ ซีดเหลืองและแห้ง ถ้าพืชเป็นโรคในระยะติดผลอ่อน จะทำให้ผลแกร็น บิดเบี้ยว ผิวขรุขระ เป็นตุ่ม หรือแผลที่เปลือก
แนวทางการป้องกัน/แก้ไข
     1. หมั่นกำจัดวัชพืช เพื่อให้มีการถ่ายเทอากาศใน แปลงได้ดี
     2. ตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบโรคเริ่มระบาด พ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น ทีบูโคนาโซล + ไตรฟลอกซีสโตรบิน 50% + 25% WG อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ เพนทิโอไพแรด 20% SC อัตรา 5 - 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุก 5 - 7 วัน
     3. แปลงที่เป็นโรค หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วควรเก็บซากพืชไปทำลายนอกแปลงปลูก

โรคใบจุดสีม่วง

พบในพืชจำพวก : หอมหัวใหญ่, หอมแดง, กระเทียม
เชื้อสาเหตุ : เกิดจากเชื้อรา Alternaria porri
ลักษณะอาการ : อาการเริ่มแรก พบจุดฉ่ำน้ำขนาดเล็ก ต่อมาแผลขยายออกตามความยาวของใบ มีลักษณะเป็นรูปไข่ เนื้อเยื่อยุบตัว แผลสีม่วงเข้มหรือสีน้ำตาลอมม่วง ตรงกลางซีดจางกว่าเล็กน้อย มีแถบสีขาวหรือสีเหลืองส้มล้อมรอบแผล ถ้าอากาศชื้นจะพบผงสปอร์สีดำของเชื้อราสาเหตุโรคบนแผล เมื่อมีหลายแผลขยายต่อกันจะทำให้ใบแห้ง ต้นโทรม หากเชื้อราเข้าทำลายที่ส่วนหัว จะทำให้หัวเน่าเก็บไว้ได้ไม่นาน
แนวทางการป้องกัน/แก้ไข
     1. ก่อนปลูกควรปรับปรุงดินให้มีสภาพเหมาะสมกับการปลูกหอมและกระเทียม โดยการใส่ปูนขาว ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยอินทรีย์
     2. ใช้หัวพันธุ์ที่ปราศจากโรค โดยแช่หัวพันธุ์หรือต้นกล้าก่อนปลูกด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น ไดฟีโนโคนาโซล 25% EC อัตรา 30-40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร นาน 15 - 20 นาที
     3. ตรวจแปลงปลูกสม่ำเสมอ เมื่อพบโรคพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น ไดฟีโนโคนาโซล 25% ECอัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หากโรคยังคงระบาดควรพ่นซ้ำ ทุก 5 - 7 วัน แต่ไม่ควรเกิน 4ครั้ง แล้วสลับพ่นด้วย แมนโคเซบ 80% WP อัตรา 40 - 50 กรัมต่อน้ำ20 ลิตร เพื่อป้องกันการดื้อยาของเชื้อสาเหตุโรค

โรคเน่าคอดิน

พบในพืชจำพวก : ต้นอ่อนของผัก ตระกูลกะหล่ำและผักกาด เช่น คะน้า กะหล่ำปลี ผักฮ่องเต้ กวางตุ้ง เป็นต้น
เชื้อสาเหตุ : เกิดจากเชื้อรา Pythium spp.
ลักษณะอาการ : โรคเน่าคอดิน แบ่งออกเป็น 2 ขั้น คือ
     1) ราเข้าทำลายเมล็ดหรือต้นกล้า ก่อนที่จะงอกพ้นดิน ทำให้เมล็ดไม่งอก หรือรากต้นอ่อนถูกทำลายทันที ทำให้ไม่มีใบเลี้ยงออกมา
     2) ราเข้าทำลายส่วนราก ทำให้ต้นกล้าเหี่ยวทั้งต้นและหักล้มและตายก่อนจะแตกใบจริง
แนวทางการป้องกัน/แก้ไข
     1. ใช้ชีววิธี โดยใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา โดยทำการคลุกกับเมล็ดหรือดิน หรือแช่เมล็ดและกิ่งพันธุ์ในอัตรา 200ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร เป็นเวลา 2-10ชั่วโมง
     2. คลุกเมล็ดด้วยสารเคมีที่ฆ่าเชื้อรา (fungicide) ช่วยป้องกัน hypocotyls และradicle ที่งอกมาให้มีความต้านทานต่อรา ที่นิยมใช้คือ captan , dichlone และ thiram
     3. ใช้สารเคมีพ่นต้นกล้าในระยะที่ปลูกใหม่ เช่น ziram , chloranil , captan ,soluble coppers ถ้าดินมีเชื้อมากและมีความชื้นสูง

ที่มาของข้อมูล : สถานีวิทยุกระจายเสียงเพื่อการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร