สมาคมการค้าหลายแห่งในสหภาพยุโรปเรียกร้องให้ภาครัฐพิจารณาข้อตกลงการค้า EU-Mercosur หรือข้อตกลงการค้าระหว่างสหภาพยุโรปกับอาเจนติน่า บราซิล ปารากวัย และอุรุกวัยอีกครั้ง ภายหลังเดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา DG Sante ได้เปิดเผยรายงานการตรวจประเมินสินค้าปศุสัตว์ของบราซิลในการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารของยุโรป โดยเฉพาะการใช้ฮอร์โมน estradiol 17β ในวัวที่จะส่งออก ซึ่งฮอร์โมนดังกล่าวเป็นฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตที่ถูกห้ามใช้ในสหภาพยุโรป เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
แม้ว่าจะมีการตรวจพบการใช้ฮอร์โมนต้องห้าม แต่คณะกรรมาธิการยุโรปยังคงอนุญาตให้ทางบราซิลใช้มาตรการของตนเองเพื่อรับรองการส่งออกเนื้อวัวปลอดฮอร์โมนไปยังสหภาพยุโรป การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้สมาคมด้านการเกษตรต่าง ๆ ในสหภาพยุโรปเกิดความกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับประสิทธิภาพการกำกับดูแลและความน่าเชื่อถือของมาตรการ
รวมถึงยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากบราซิลภายใต้ข้อตกลง EU-Mercosur เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อมาตรฐานที่เข้มงวดของสหภาพยุโรปอาทิ สวัสดิภาพสัตว์ การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของผู้บริโภค อีกทั้งการอนุญาตให้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานเข้าตลาดอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ผลิตและผู้บริโภคได้ ทางสมาคมจึงเรียกร้องให้ผู้กำหนดนโยบายปฏิเสธข้อตกลงปัจจุบันและสนับสนุนนโยบายการค้าที่ยึดมั่นในมาตรฐานอันเข้มงวดของภาคเกษตรและสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมของยุโรป
แม้ว่ากฎหมายระดับประเทศของบราซิลที่ว่าด้วยการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาสัตว์และการห้ามใช้ฮอร์โมนและสารในกลุ่มเบตาอะโกนิสต์ (beta-agonists) เพื่อจุดประสงค์ในการเร่งการเจริญเติบโตมีความคล้ายคลึงกับกฎระเบียบของสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตามทางบราซิลได้มีการอนุญาตให้ใช้ยาสัตว์ที่มี estradiol 17β เป็นส่วนประกอบมากถึง 23 ชนิด ซึ่งยาทั้งหมดนี้ไม่มีฉลากที่ระบุว่าไม่ควรใช้กับสัตว์ที่จะส่งออกไปยังสหภาพยุโรป นอกจากนี้ระบบการจัดการเพื่อรับประกันว่าสัตว์ไม่เคยได้รับการรักษาด้วย estradiol 17β ของบราซิลนั้นยังไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากไม่มีการเก็บรักษาใบสั่งยาและขาดข้อกำหนดทางกฎหมายในการเก็บบันทึกการรักษาพยาบาล
ทั้งนี้สำหรับมาตรการของบราซิล เจ้าหน้าที่ของบราซิลกล่าวว่าจะมีเพียงสัตว์เพศผู้เท่านั้นที่มีสิทธิ์ส่งออกไปยังสหภาพยุโรป โดยกรมปศุสัตว์เสนอพิธีสารเฉพาะเพื่อรับประกันว่าสัตว์เพศเมียไม่เคยได้รับการรักษาด้วย estradiol esters โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 12 เดือน และจนกว่าจะมีการบังคับใช้พิธีสารดังกล่าวจึงจะสามารถกลับมาส่งออกตัวเมียได้อีกครั้ง
ที่มา : foodsafetynews สรุปโดย : มกอช.
