ผู้เลี้ยงปลาแซลมอนในนอร์เวย์กำลังเผชิญกับความท้าทายจากฤดูหนาวที่เลวร้ายผิดปกติและปรากฏการณ์เอลนีโญที่ทำให้อุณหภูมิทั่วโลกสูงขึ้น รวมถึงการโจมตีของแมงกระพรุนในปริมาณมากที่สุดในรอบ 20 ปี ส่งผลให้ปลาแซลมอนมีอัตราการตายสูงเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ที่ 16.7%
นอร์เวย์ซึ่งเป็นผู้ผลิตปลาแซลมอนแอตแลนติกที่เลี้ยงในฟาร์มรายใหญ่ที่สุด โดยคิดเป็น 50% ของตลาดโลก ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในช่วงครึ่งปีแรกจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบกับปลาแซวมอนที่เจริญเติบโตได้ดีในน้ำที่มีอุณหภูมิค่อนข้างเย็น นอกจากนี้ อุณหภูมิที่สูงขึ้นและน้ำทะเลที่อุ่นขึ้นทำให้ผู้เลี้ยงปลาแซลมอนประสบปัญหาจากเหาทะเล (Sea lice) เพิ่มขึ้น เนื่องจากวัคซีนป้องกันเหาทะเลมักทำให้ปลาเกิดความเครียด เป็นอันตรายต่อสวัสดิภาพของปลาและความสามารถในการต้านทานโรคอื่นๆ
การส่งออกปลาแซลมอนคิดเป็น 2% ของ GDP ของนอร์เวย์ ในปี 2566 ที่ปริมาณส่งออก 1.2 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 11.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เพื่อปกป้องชื่อเสียงของอุตสาหกรรม นอร์เวย์ได้ประกาศห้ามการส่งออกปลาที่มีตำหนิ/เป็นแผล ซึ่งจัดอยู่ในปลาแซลมอนเกรดต่ำ ซึ่งมาตรการดังกล่าวกดดันให้ผู้ผลิตแปรรูปปลาแซลมอนเกรดต่ำให้เป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้สามารถส่งออกได้ และกดดันให้ชาวประมงต้องจำหน่ายปลาส่วนเกินในราคาที่ถูกลง จากสถานการณ์ของชีวมวลในทะเลที่ลดลงนักวิเคราะห์ข้อมูลการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้ปรับลดการคาดการณ์ปริมาณการเติบโตของนอร์เวย์และตลาดโลกในปี 2567 เหลือเพียง 1%
ที่มา : Reuters สรุปโดย : มกอช.