เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 องค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกากำลังดำเนินการในการลดการบริโภคเกลือในอาหารในระยะที่ 2 ของชาวอเมริกัน หลังจากที่เป้าหมายการลดการบริโภคโซเดียม (ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในเกลือ) ในอาหารระยะแรกเมื่อปี 2564 ประสบความสำเร็จในความพยายามเบื้องต้น
โดยข้อมูลเบื้องต้นในปี 2565 เผยว่าเป้าหมายที่จะลดโซเดียมสำหรับอุตสาหกรรมอาหารของแผนงานระยะที่ 1 (ปี 2564) บรรลุเป้าหมายไปแล้วถึง 40% อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเพิ่มเติมของเป้าหมายระยะแรกจะพร้อมใช้งานหลังจากอัพเดทข้อมูลจนถึงเดือนเมษายน 2567 ทำให้ FDA เริ่มดำเนินการต่อในระยะที่ 2 โดยมีเป้าหมายการลดปริมาณการบริโภคโซเดียมใน 3 ปี สำหรับหมวดหมู่อาหาร 163 หมวดหมู่ ซึ่งหากบรรลุป้าหมายดังกล่าว จะลดปริมาณการบริโภคโซเดียมเฉลี่ยต่อคนให้เหลือ 2,750 มิลลิกรัมต่อวัน จากเดิมบริโภคเฉลี่ยอยู่ที่ 3,400 มิลลิกรัมต่อวัน แม้ว่าการลดปริมาณโซเดียมตามเป้าหมายระยะที่ 2 จะยังคงสูงกว่าข้อแนะนำการบริโภคอาหารตามหลักโภชนาการ (Dietary Guidelines for Americans) ที่ไม่เกิน 2,300 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเทียบเท่าเกลือประมาณ 1 ช้อนชา โดยเฉพาะผู้สูงอายุควรบริโภคไม่เกิน 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน และคนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ควรบริโภคเพียง 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน แต่เป้าหมายดังกล่าวมีจุดม่งหมายเพื่อสร้างสมดุลระหว่างความต้องการในการลดปริมาณโซเดียมในวงกว้างและค่อยเป็นค่อยไป
สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับโรคเรื้อรัง เช่น โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดในสมอง การปรับปรุงโภชนาการถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงต่อโรคดังกล่าว และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร โดยร้อยละ 70 ของโซเดียมที่บริโภคในแต่ละวันมาจากโซเดียมที่เติมลงในอาหารระหว่างกระบวนการผลิตและในขั้นตอนการเตรียมอาหารเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้ FDA เน้นยำว่า ควรเลือกรับประทานอาหารปรุงสดใหม่แทนอาหารแปรรูปซึ่งมีปริมาณโซเดียมสูง เช่น เบอร์เกอร์ บูร์ริโต้ ทาโก้ เนื้อสัตว์แปรรูป พิซซ่า พาสต้า ซุปสำเร็จรูป รวมถึงมันฝรั่งทอดและขนมขบเคี้ยว
ที่มา : https://www.fda.gov/ , https://www.usnews.com/สรุปโดย : มกอช.