เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศ จะจัดสรรงบประมาณเกือบ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7,330 ล้านบาท) เพื่อจัดการกับการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกในฝูงโคนม เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อไวรัส H5N1 ในมนุษย์ โดยตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2567 รายงานว่ามีการระบาดของโรคดังกล่าวในโคนม 9 รัฐ และนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามีการระบาดมากกว่าที่ตรวจพบ เนื่องจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ตรวจพบอนุภาคไวรัสในตัวอย่างนมจากร้านค้าปลีกประมาณ 20% ของตัวอย่างที่สุ่มมาทั้งหมด
กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ (USDA) จะจัดสรรเงิน 98 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,556 ล้านบาท) ให้กับฟาร์มโคนม โดยแต่ละฟาร์มจะได้รับเงินสูงสุด 28,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1 ล้านบาท ) เพื่อใช้ควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อระหว่างสัตว์กับมนุษย์ รวมถึงตรวจสอบเชื้อไวรัสในน้ำนมและโค
ในขณะที่กระทรวงสาธารณสุขและบริการประชาชนของสหรัฐฯ (Department of Health and Human Services: HHS) จะจัดสรรเงิน 101 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,665 ล้านบาท) ให้กับองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) เพื่อใช้ในการปกป้องสุขภาพของประชาชนและอุปทานอาหารของประเทศ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพเตือนว่าไม่ควรบริโภคนมดิบที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยวิธีพาสเจอร์ไรซ์ และกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ มีคำสั่งว่า ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2567 เป็นต้นไป โคนมที่จะขนส่งข้ามรัฐจะต้องมีผลตรวจเป็นลบ เพื่อจำกัดการแพร่ระบาด ซึ่งหลังจากมีคำสั่งดังกล่าวพบว่าจากการทดสอบเชื้อ 905 ครั้ง มีแนวโน้มที่จะพบเชื้อไขหวัดนกเป็นบวกถึง 112 ครั้ง แม้ว่าขณะนี้ความเสี่ยงในมนุษย์จะถือว่าอยู่ในระดับต่ำ แต่นักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐฯ ยังคงการติดตามการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิดต่อไป
ที่มา : Reuters สรุปโดย : มกอช.