ผู้เชี่ยวชาญโรคไข้หวัดนก ระบุว่า ไข้หวัดนกมีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายไปยังภูมิภาคแอนตาร์กติก และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อสัตว์ป่า โดยเฉพาะประชากรสัตว์บางชนิด เช่น เพนกวินและแมวน้ำที่ไม่เคยได้รับเชื้อมาก่อน
ตามรายงานของ WOAH/FAO Network of Expertise on Animal Influenza (OFFLU) ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากองค์การสุขภาพสัตว์โลก (WOAH) และองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุว่า เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2566 มีการตรวจพบไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5 ในเมือง brown skua บนหมู่เกาะ Bird Island ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะ South Georgia และ หมู่เกาะ South Sandwich ดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร และในช่วงเวลาเดียวกันก็มีการตรวจพบไข้หวัดนกใน เมือง fulmars และเมือง albatrosses ที่ตั้งในหมู่เกาะ Falkland ที่อยู่ใกล้เคียงกัน
รายงานยังระบุอีกว่า ไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5 มีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายในสัตว์ป่าแอนตาร์กติกและอาจแพร่ไปยังนก 48 สายพันธุ์ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล 26 สายพันธุ์ที่อาศัยในภูมิภาคนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่าแอนตาร์กติกในวงกว้าง เนื่องจากประชากรสัตว์เหล่านี้อาศัยรวมกันอย่างหนาแน่น ประกอบไปด้วยแมวน้ำหลายพันตัว และนกอีกหลายแสนตัว ทำให้การแพร่ระบาดของไวรัสเป็นไปอย่างรวดเร็วและอาจทำให้มีอัตราการตายสูง
นอกจากนี้รายงานยังเผยว่า แมวน้ำช้างใน South Georgia อาจติดเชื้อจากการย้ายถิ่นของแมวน้ำจากอเมริกาใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการตายของแมวน้ำเป็นจำนวนมาก และแมวน้ำช้างที่ติดเชื้ออาจทำให้ไวรัสแพร่กระจายไปยังเกาะใกล้เคียงและคาบสมุทรแอนตาร์กติก
ทั้งนี้ ไข้หวัดนกที่เกิดขึ้นในแอนตาร์กติกถือเป็นภัยคุกคามต่อเพนกวินจักรพรรดิเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ OFFLU จึงกำชับให้มีการติดตามและเฝ้าระวังประชากรสัตว์ป่าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกำหนดมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพเพื่อลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของไวรัสจากมนุษย์ไปยังพื้นที่ใหม่ และลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในมนุษย์
อนึ่ง OFFLU ใช้คำจำกัดความทางชีวภูมิศาสตร์ของภูมิภาคแอนตาร์กติก โดยพิจารณาการกระจายของสายพันธุ์และระบบนิเวศซึ่งมีขอบเขตกว้างกว่าพื้นที่สนธิสัญญาแอนตาร์กติกรวมถึงชั้นน้ำแข็งทั้งหมดด้วย
ที่มา : Reuters สรุปโดย : มกอช.
