เมื่อเดือนเมษายน 2566 สหภาพยุโรปได้อนุมัติกฎหมายตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งห้ามนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ 7 ชนิดที่เชื่อมโยงกับการทำลายป่า รวมถึงน้ำมันปาล์มจากอินโดนีเซียผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก ผู้สมัครประธานาธิบดีของอินโดนีเซียในการเลือกตั้งสมัยหน้าที่กำลังจะมาถึงในเดือนกุมภาพันธ์นี้ กล่าววิจารณ์หลังจากสหภาพยุโรปห้ามการนำเข้าน้ำมันปาล์มว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกีดกันทางการค้า และการผลิตน้ำมันปาล์มมักถูกเชื่อมโยงโดยนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมว่ามีส่วนในการตัดไม้ทำลายป่า นอกจากนี้ กฎระเบียบของสหภาพยุโรปยังส่งผลกระทบไปถึงกาแฟ โกโก้ ยาง และผลิตภัณฑ์จากไม้ของอินโดนีเซีย ที่มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 6.41 พันล้านเหรียญสหรัฐ/ปี
อย่างไรก็ตาม สหภาพยุโรปกล่าวว่ายังคงซื้อน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซียจนกว่าการสั่งห้ามจะมีผลบังคับใช้ และกฎระเบียบนี้มีไว้สำหรับทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดการกับการตัดไม้ทำลายป่าตลอดห่วงโซ่อุปทานของสินค้าโภคภัณฑ์จากทุกประเทศและมองว่าไม่ใช่เป็นการลงโทษหรือกีดกันทางการค้าแต่เพื่อสร้างความเท่าเทียม
ทั้งนี้ สหภาพยุโรป อินโดนีเซีย และมาเลเซียในฐานะผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่อันดับสองของโลกได้ร่วมกันจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อหารือร่วมกันเกี่ยวกับกฎหมายฉบับนี้
ที่มา : Reuters สรุปโดย : มกอช.