เมื่อวันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2566 รัฐบาลญี่ปุ่น เผยว่า การส่งออกอาหาร เกษตรกรรม ป่าไม้ และประมงของประเทศในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 เพิ่มขึ้น 9.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2565 ซึ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 714.4 พันล้านเยน (ประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เนื่องจากความต้องการในภาคอาหารและธุรกิจค้าปลีกฟื้นตัวท่ามกลางผลกระทบของ COVID-19 ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
จากข้อมูลที่เผยแพร่โดยกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น ระบุว่า การเติบโตในช่วงเดือน 6 เดือนแรกของปี 2566 ได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่แข็งแกร่งไปยังจีน ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 139.4 พันล้านเยน คิดเป็น 16.2% และการส่งออกไปยังฮ่องกงซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 115.4 พันล้านเยน คิดเป็น 25.8% นอกจากนี้ค่าเงินเยนที่อ่อนลงก็ช่วยให้เกิดการเติบโตในการส่งออกของญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงเกษตรฯของญี่ปุ่นได้ระบุเพิ่มเติมว่า ยังคงต้องมีการติดตามและตรวจสอบสถานการณ์ในตลาดจีนและฮ่องกงอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทั้งจีนและฮ่องกงได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบรังสีในการนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นซึ่งส่งผลให้พิธีศุลกากรเป็นไปอย่างล่าช้า โดยมาตรการที่เข้มงวดนี้เกิดขึ้นก่อนการปล่อยน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงสู่ทะเล
ญี่ปุ่นได้ตั้งเป้าหมายในการเพิ่มการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารประจำปีเป็น 2 ล้านล้านเยน ภายในปี 2568 และเพิ่มเป็น 5 ล้านล้านเยน ภายในปี 2573 และจากรายการสินค้าส่งออก พบว่า การส่งออกไข่มุกในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า คิดเป็น 22.3 พันล้านเยน ซึ่งเกิดจากการกลับมาให้ความสนใจต่อไข่มุกของญี่ปุ่นอีกครั้งจากงานแสดงสินค้าไข่มุกและเครื่องประดับนานาชาติที่จัดขึ้นในฮ่องกงเป็นครั้งแรกในรอบสี่ปี ขณะที่การส่งออกสาเกญี่ปุ่นได้ลดลง 14.4% เนื่องจากการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาลดลงเพราะอัตราเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกาถือเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรที่ใหญ่เป็นอันดับสามของญี่ปุ่น รองจากจีนและฮ่องกง ซึ่งญี่ปุ่นมีการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาทั้งหมด 96.4 พันล้านเยน ลดลง 7.9% ตามมาด้วยไต้หวันที่เป็นอันดับสี่ มีมูลค่าการส่งออก 67.4 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 11.9% และเกาหลีใต้ที่มีมูลค่าการส่งออก 35.6 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 19.9%
ที่มา : KYODO NEWS สรุปโดย : มกอช.
