นักวิจัยจากแคนาดาได้พัฒนาชุดทดสอบการปนเปื้อนเชื้อ Salmonella ที่สามารถใช้ง่ายเทียบเท่าเทสต์คิตสำหรับตรวจโรค COVID-19 ที่ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ รวดเร็ว และราคาไม่สูงจนเกินไป ซึ่งสามารถช่วยปรับปรุงความปลอดภัยของอาหารได้ในวงกว้าง โดยวิธีการทดสอบนี้ใช้โมเลกุลของกรดนิวคลีอิกสังเคราะห์ชนิดใหม่ที่ได้พัฒนาขึ้น ซึ่งโมเลกุลนี้จะอยู่ระหว่างอนุภาคขนาดจิ๋วที่บริเวณปลายปิเปต (อุปกรณ์ถ่ายเทของเหลวในห้องปฏิบัติการที่มีความละเอียดและแม่นยำสูงในระดับไมโครลิตร) เมื่อมีการดึงตัวอย่างอาหารเหลวที่ทดสอบเข้าไปในหลอด ถ้ามีเชื้อ Salmonella อยู่จะทำให้โมเลกุลของกรดหลุดออกไปเมื่อหยดลงบนกระดาษทดสอบ และสารละลายจะเปลี่ยนเป็นสีแดงที่มองเห็นได้ ยิ่งความเข้มข้นของเชื้อสูงเท่าไร สีแดงก็จะยิ่งสว่างมากขึ้นเท่านั้น
เชื้อ Salmonella เป็นเชื้อสาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 155,000 รายทั่วโลกในแต่ละปี ตามรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา (CDC) พบว่า ในแต่ละปีสหรัฐอเมริกามีผู้เสียชีวิตประมาณ 450 ราย และต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลกว่า 23,000 ราย และเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมาสหภาพยุโรปได้เตือนว่า “มีการรายงานกรณีโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนและการโรคที่เกิดจากอาหารเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน” และยังได้ระบุว่าโรคที่เกิดจากอาหารส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากเชื้อ Salmonella คิดเป็น 19.3% จากทั้งหมด โดยหน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารแห่งยุโรปยังเรียกร้องให้ใช้ยาต้านจุลชีพอย่างรอบคอบในทุกภาคส่วน รวมถึงภาคการเกษตรด้วย หลังพบว่า เชื้อ Salmonella บางสายพันธุ์ยังคงดื้อยาต้านจุลชีพ (Antimicrobial Resistance: AMR) ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญด้านสาธารณสุขที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ที่มา : Food Ingredient First สรุปโดย : มกอช.