เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา HIS Markit สื่อออนไลน์ของสหภาพยุโรป ได้เผยแพร่รายงานสรุปสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดนกทั่วโลก (World Avian influenza) ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุป ดังนี้:
ในช่วงเดือนมกราคม – มิถุนายน 2565 พบว่า การระบาดของโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์รุนแรงสูง (HPAI) ทั่วโลกมีอัตราสูงสุดในรอบ 16 ปี โดยพบการแพร่ระบาดใน 35 ประเทศทั่วโลก พบมากที่สุดในประเทศฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ฮังการี ไนจีเรีย แคนาดา ฟิลิปปินส์ เนเธอร์แลนด์ เนปาล สเปน และเกาหลีใต้ ซึ่งแต่ละประเทศมีมาตรการการรับมือกับสถานการณ์การระบาดของ HPAI ดังนี้:
เม็กซิโก : รัฐบาลเม็กซิโกและภาคอุตสาหกรรมได้ร่วมมือกันปรับปรุงการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา และพัฒนาระบบการแจ้งเตือนอย่างทันท่วงทีในหน่วยการผลิตปศุสัตว์ (Livestock Production Units: LPU) เพื่อกำจัดทั้งเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์รุนแรงต่ำ H5N2 และเชื้อโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์รุนแรงสูง H7N3 ทั้งนี้ ในปี 2564
รัฐบาลเม็กซิโกได้จัดสรรเงินกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาระบบเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาในหน่วยการผลิตสัตว์ปีก 648 แห่ง ครอบคลุมสัตว์ปีกกว่า 133 ล้านตัว ที่มีมูลค่าทางการค้าประมาณกว่า 227 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สหรัฐอเมริกา : สหรัฐฯ อนุมัติงบประมาณ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก Commodity Credit Corporation ให้แก่ APHIS (Animal and Plant Health Inspection Service) โดยเมื่อเดือนมีนาคม 2565 อนุมัติการใช้เงินประมาณ 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอนุมัติเพิ่มเติมอีก 263 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนเมษายน 2565 เพื่อชดเชยค่าเสียหาย การวินิจฉัยโรค การทำกิจกรรมภาคสนาม และค่าใช้จ่ายในการเผชิญเหตุฉุกเฉินอื่นๆ
กานา : กานาใช้งบประมาณ 7.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อรับมือกับการระบาดของโรคไข้หวัดนกในประเทศ อีกทั้งอนุมัติให้มีการรับสมัครผู้เชี่ยวชาญด้านสัตวแพทย์ 1,100 คน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของคณะกรรมการบริการด้านสัตวแพทย์ (Veterinary Services Directorate: VSD) เพื่อให้บริการด้านการดูแลสุขภาพสัตว์ผ่านผู้ปฏิบัติงานด้านสัตวแพทย์ของภาครัฐและเอกชน
ฟิลิปปินส์: กรมการเกษตรของฟิลิปปินส์ได้ยื่นคำร้องให้รัฐบาลอนุมัติเงิน 1.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้ในโครงการป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดนก โดยได้รับการบรรจุอยู่ในแผนงบประมาณแห่งชาติ ประจำปี 2566 เพื่อนำไปใช้ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์รุนแรงสูง H5N1
สหภาพยุโรป : คณะมนตรียุโรปได้รับรองกลยุทธ์การพัฒนาวัคซีน เพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดของ HPAI ที่เป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของมนุษย์ ส่งผลกระทบร้ายแรงทางเศรษฐกิจและสังคม และเพิ่มการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของ HPAI แบบข้ามพรมแดน อีกทั้ง ฝรั่งเศสตั้งเป้าที่จะพัฒนาวัคซีนป้องกันไข้หวัดนกชนิดใหม่ ซึ่งได้มีการทดลองวัคซีนตัวอย่างด้วยแล้ว 2 ราย
ซึ่งจากข้อมูลของ S&P Global Animal Health Economics (AHE) ระบุว่า ประชากรสัตว์ปีกทั่วโลกมีแนวโน้มจะลดลงจาก 27.12 พันล้านตัวในปี 2564 เป็น 26.74 พันล้านตัวในปี 2565 ซึ่งลดลง ต่อปีร้อยละ 1.4 อย่างไรก็ตาม หากวัคซีนมีประสิทธิภาพและมาตรการป้องกันที่ดีขึ้น ประชากรสัตว์ปีกทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว AHE คาดการณ์ว่า ประชากรสัตว์ปีกทั่วโลกจะสูงถึง 28.6 พันล้านตัวภายในปี 2568 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีที่อัตราร้อยละ 2.3% ตั้งแต่ปี 2565
โดยสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป ได้แสดงข้อคิดเห็นไว้ว่า:
จากสถิติของ DG SANTE ในปี 2565 พบการระบาดของโรคไข้หวัดสายพันธุ์รุนแรงสูง (HPAI) ในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป จำนวน 15 ประเทศ โดยพบการระบาดมากสุดในประเทศฝรั่งเศส ฮังการีและเนเธอร์แลนด์ซึ่งทั้ง 3 ประเทศ ถือเป็นประเทศผู้เลี้ยงสัตว์ปีกรายใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป จึงอาจเป็นโอกาสทางการตลาดต่อการส่งออกสินค้าสัตว์ปีกของไทยในตลาดสหภาพยุโรปในปี 2565
ศึกษารายละเอียดเพิ่มได้ที่ : https://agrithai.be/regulation/regulation-3/สถานการณ์การระบาดของโรค/
ที่มา: สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป สรุปโดย: มกอช.
