กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น (MAFF) กำหนด “ขั้นตอนการขออนุญาตนำเข้าและการตรวจสอบสิ่งมีชีวิตตามพิธีสารคาตาร์เฮนา” สำหรับเมล็ดพันธุ์และต้นกล้ามะละกอที่นำเข้าจากประเทศไทย เพื่อป้องกันการปะปนของเมล็ดพันธุ์และต้นกล้ามะละกอที่ผ่านการดัดแปรพันธุกรรม ซึ่งครอบคลุมทั้งการนำเข้าเป็นสินค้า cargo การนำติดตัวเข้าประเทศญี่ปุ่น และการจัดส่งทางไปรษณีย์ โดย MAFF จะเริ่มใช้ขั้นตอนการขออนุญาตนำเข้าฯ จากประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565
ขั้นตอนการขออนุญาตนำเข้าและการตรวจสอบสิ่งมีชีวิตตามพิธีสารคาตาร์เฮนา
1. ผู้นำเข้าเมล็ดพันธุ์หรือต้นกล้าของพืชที่บังคับ ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนฯ
2. ผู้นำเข้ากรอกแบบฟอร์มและยื่นเอกสารขอนำเข้าล่วงหน้าก่อนนำเข้า 10 วัน (แบบฟอร์มเป็นภาษาญี่ปุ่น) ระบุชื่อ วัตถุประสงค์ในการนำเข้า แหล่งที่นำเข้า ชื่อท่าอากาศยานหรือท่าเรือพร้อมวันที่จะนำเข้า ปริมาณที่นำเข้า ฯลฯ
3. กระทรวงเกษตรฯ ญี่ปุ่นออกคำสั่งเกี่ยวกับการสั่งตรวจ (Order Inspection) และการเก็บรักษาโดยจะส่งคำสั่งดังกล่าวให้แก่ผู้นำเข้า
4. ผู้นำเข้าติดต่อห้องปฏิบัติการที่รับตรวจสอบการดัดแปรพันธุกรรม โดยห้องปฏิบัติการจะจัดส่งเจ้าหน้าที่มาสุ่มเก็บตัวอย่างและนำไปตรวจสอบ (ปัจจุบันมีห้องปฏิบัติการจำนวน 3 แห่ง ในจังหวัด Kanagawa และ Fukuoka ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบประมาณ 38,000 - 50,000 เยนต่อ 1 กรณี)
5. กระทรวงเกษตรฯ ญี่ปุ่นแจ้งผลการตรวจสอบ
6. ผู้นำเข้าสามารถนำเข้าได้หากผลการตรวจสอบยืนยันว่าไม่มีการปะปนของการดัดแปรพันธุกรรม กรณีตรวจพบการดัดแปรพันธุกรรมที่ยังไม่ผ่านการอนุมัติผู้นำเข้าจะต้องทำลายพืชดังกล่าว
รายละเอียดการกำหนดใช้ขั้นตอนการนำเข้าฯ สามารถดูได้ตามประกาศแจ้งเวียน WTO-SPS หมายเลข G/SPS/N/JPN/874 ทั้งนี้ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สามารถแจ้งข้อคิดเห็นต่อข้อกำหนดดังกล่าวได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยสามารถส่งข้อคิดเห็นและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ asia1.acfs@gmail.com หรือโทร 02 561 2277 ต่อ 1323
ทั้งนี้ มะละกอที่จะส่งออกไปญี่ปุ่นจัดเป็นพืชควบคุมเฉพาะตามประกาศกรมวิชาการเกษตร จึงต้องผ่านการตรวจวิเคราะห์ตามที่กรมวิชาการเกษตรกำหนด ก่อนดำเนินการส่งออก
ที่มา : เว็บไซต์กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น https://www.maff.go.jp/e/index.html สรุปโดย : มกอช.