เมื่อเร็วๆ นี้มีกระแสข่าวเกี่ยวกับปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าและการใช้แรงงานเด็กในทวีปแอฟริกาเพื่อการผลิตโกโก้ในอุตสาหกรรม ที่สร้างกระแสความตื่นตัวให้กับผู้บริโภคในยุโรปและทั่วโลกว่าจะต้องมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยแก้ไขปัญหานั้นที่เริ่มมีการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมแล้วก็คือการใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability)
ล่าสุดหนึ่งในบริษัทสินค้าเกษตรและอาหารข้ามชาติรายใหญ่ของโลกได้ประกาศความสำเร็จในการใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับในห่วงโซ่อุปทานเมล็ดโกโก้ของตน ที่มีเครือข่ายในประเทศผู้ผลิตถึง 9 ประเทศ และครอบครองส่วนแบ่งตลาดเมล็ดโกโก้โลกถึง 12% ซึ่งมีผลช่วยให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าได้อย่างโปร่งใสมากขึ้น อันจะเป็นการเสริมความสามารถในการเฝ้าระวังการใช้ปัจจัยการผลิตที่ไม่ถูกต้อง เช่น การตัดไม้ทำลายป่าเพื่อเปิดพื้นที่ทำการเกษตร การใช้แรงงานเด็กและแรงงานผิดกฎหมายแบบอื่น ๆ ตลอดจนการทำการเกษตรบนที่ดินที่ถือครองโดยผิดกฎหมาย
นี่เป็นตัวอย่างการใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับที่เป็นประโยชน์มากกว่าการเก็บข้อมูลเพื่อความปลอดภัยของอาหาร แต่ครอบคลุมไปถึงการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่เป็นมิตรต่อผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ซึ่งกำลังเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคให้ความสนใจมากขึ้นในปัจจุบัน
ที่มา : https://www.foodnavigator.com/ สรุปโดย : มกอช.
