สถานการณ์โควิด-19 ในเวียดนามกำลังกลับมาตึงเครียดอีกครั้งจากการระบาดระลอกใหม่ในหลายพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา และมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ประกอบการอาหารและเครื่องดื่มในเวียดนามเป็นอย่างมาก
จากการแพร่ระบาดรอบแรกช่วงต้นปี 2563 รัฐบาลเวียดนามได้ใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มงวด โดยกิจการร้านอาหารและเครื่องดื่มเป็นธุรกิจกลุ่มแรก ๆ ที่ถูกสั่งปิด และภาครัฐบังคับให้ปิดภายในวันเดียวหลังการประกาศมาตรการ ทำให้ธุรกิจไม่ทันได้ปรับตัวและได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการครั้งนั้น จนปรากฏข้อมูลสถิติว่าช่วงเจ็ดเดือนแรกของปีนี้ผลประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเฉลี่ยทั้งเวียดนามลดลง 16.6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ผลกระทบเกิดขึ้นหนักกว่าในเมืองใหญ่ ๆ เช่นนครโฮจิมินห์ ที่ผลประกอบการลดลงถึง 45.1% ในขณะที่ของดานังลดลง 24.5% และลดลง 18.9% ในฮานอย โดยผลประกอบการของหลาย ๆ กิจการพึ่งเริ่มฟื้นตัว ก็มาเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้ขึ้น ผู้ประกอบการเห็นตรงกันว่าจะต้องเตรียมแผนรับมือ เช่นการปรับไปขายทางออนไลน์มากขึ้น พร้อมกับพยายามลดต้นทุน ปลดพนักงานพาร์ทไทม์ ลดเวลาทำงานพนักงานประจำ ตลอดจนเจรจาขอลดค่าเช่า ทั้งยังเรียกร้องให้ภาครัฐให้เวลาปรับตัวหากจำเป็นต้องมีการปิดดำเนินการครั้งใหม่
สถานการณ์ในไทยเองแม้จะเริ่มฟื้นตัวแล้วแต่ความเสี่ยงของการแพร่ระบาดระลอกใหม่ก็ยังไม่หมดไป ทุกภาคส่วนจึงควรวางแผนและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น โดยอาจใช้กรณีที่เกิดและแนวทางการจัดการรับมือในเวียดนามเป็นตัวอย่างได้อีกส่วนหนึ่ง
ที่มา : https://e.vnexpress.net/ สรุปโดย : มกอช.