เมื่อวันที่ 24-26 มิถุนายน ที่ผ่านมา เป็นรอบการประชุมว่าด้วยสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) ขององค์การการค้าโลก ซึ่งประเทศสมาชิกได้ยื่นเรื่องเข้าสู่การพิจารณาและมีการอภิปรายในหลายประเด็น ซึ่งหนึ่งในประเด็นที่สำคัญต่อการค้าระหว่างประเทศคือการออกมาตรการบังคับตรวจไวรัสโรคโควิด-19 ในสินค้าเกษตรและอาหาร โดยในที่ประชุมมีความกังวลจากประเทศสมาชิก รวมไปถึงสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป เพราะทางสหรัฐอเมริกาได้รับรายงานจากผู้ส่งออกว่ามีการบังคับตรวจเชื้อโรคโควิด-19 นี้ถึง 100% ของสินค้าบางรายการ ส่วนทางสหภาพยุโรปได้แสดงความเสียใจต่อการแพร่ระบาดของโรคจนทำให้กระทบต่อการผลิตและการค้า แต่ก็กังวลว่านี่จะเป็นการฉวยโอกาสใช้วิกฤตการณ์โรคระบาดเป็นข้ออ้างในการตั้งกำแพงการค้า โดยไม่มีพื้นฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รองรับ ซึ่งอาจกระทบต่อการค้าสินค้าเกษตรและอาหารระหว่างประเทศจนเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงทางอาหารได้ และได้ตั้งข้อสังเกตว่าประเทศที่บังคับใช้มาตรการดังกล่าวต่อสินค้านำเข้า ได้มีการบังคับใช้มาตรการเดียวกันต่อสินค้าที่ผลิตในประเทศด้วยหรือไม่
ประเด็นอื่น ๆ ในที่ประชุมยังมีการขอให้สหภาพยุโรปเลื่อนการบังคับใช้ข้อกำหนดขั้นต่ำของสารตกค้าง (MLRs) ออกไปก่อน เพื่อเอื้อต่อการค้าระหว่างประเทศในช่วงโรคระบาดเช่นนี้ แต่ทางสหภาพยุโรปได้ให้ข้อมูลตอบกลับว่าข้อบังคับดังกล่าวเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค และเป็นมาตรการที่ออกประกาศให้มีการปรับกระบวนการผลิตมาระยะหนึ่งที่ประชุมครั้งนี้ยังมีการอภิปรายอีกหลายประเด็นจากประเทศสมาชิก เช่นการโต้แย้งการห้ามนำเข้าเครื่องดื่มชูกำลังของเนปาลโดยประเทศไทย เป็นต้น ผู้สนใจสามารถสืบค้นเอกสารรายงานการประชุมได้ผ่านช่องทางขององค์การการค้าโลก ทั้งนี้การประชุมนัดต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 5-6 พฤศจิกายน 2563
ที่มา : https://www.foodsafetynews.com/ สรุปโดย : มกอช.