ข้าวสาลีเดิมเป็นพืชอาหารสำคัญที่ปลูกในเขตอบอุ่น แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นธัญพืชอาหารหลักชนิดหนึ่งของประชากรทั่วโลก หลังจากผ่านกระบวนการแปรรูปเป็นแป้งสาลี และเป็นผลิตภัณฑ์ที่บริโภคกันทั่วไปต่าง ๆ เช่น ขนมปังและขนมอบ จนถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งมีการบริโภคกันทั่วโลกในปัจจุบัน จึงจัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่งของโลก
ในช่วงล็อคดาวน์จากโควิด-19 มีปรากฏการณ์หนึ่งที่น่าสนใจในอังกฤษคือพฤติกรรมการทำขนมปังและขนมอบที่ใช้แป้งสาลีเป็นส่วนประกอบรับประทานเองในครัวเรือนของผู้บริโภคชาวอังกฤษ จนความต้องการแป้งสาลีในครัวเรือนมากเกินกว่ากำลังการผลิตของโรงงานในท้องถิ่นหลาย ๆ แห่ง ซึ่งบางแห่งประกอบกิจการมานานกว่าร้อยปีแล้ว ทำให้ต้องมีการปรับตัวขยายกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว ทั้งนี้ปรากฏการณ์ความต้องการแป้งสาลีในครัวเรือนลักษณะดังกล่าวยังปรากฏในประเทศอื่น ๆ ของยุโรปอีกด้วย นอกจากนั้นยังพบว่าการปลูกข้าวสาลีในสหราชอาณาจักรและทวีปยุโรปประสบปัญหาความแห้งแล้งและมีการคาดการณ์ว่าผลผลิตจะลดต่ำลง จึงทำให้ราคาข้าวสาลีในตลาดซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มสูงขึ้น อีกด้านหนึ่งในทวีปแอฟริกาก็มีแนวโน้มว่าจะมีความต้องการข้าวสาลีเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน เพราะในประเทศเอธิโอเปียกำลังมีการลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตแป้งสาลีขึ้นถึง 3 แห่งอีกด้วย
ประเทศไทยสามารถผลิตข้าวสาลีเองได้น้อยมาก แต่ชาวไทยก็บริโภคผลิตภัณฑ์จากแป้งสาลีในปริมาณสูง ทั้งในรูปขนมอบ เส้นพาสตา เส้นบะหมี่ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จึงต้องพึ่งพาการนำเข้าข้าวสาลีจากต่างประเทศมาโดยตลอด ถึงประมาณปีละ 3,000,000 ตัน โดยมักเป็นการนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และยูเครน นอกจากนั้นข้าวสาลีนำเข้ายังเกี่ยวพันไปถึงอุตสาหกรรมอาหารสัตว์อีกด้วย ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลกจึงอาจทำให้ข้าวสาลีขาดตลาดและราคาสูงขึ้นได้ ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในประเทศไทยจึงควรติดตามสถานการณ์และวางแผนรับมืออย่างเหมาะสม
ที่มา : https://www.nytimes.com/ สรุปโดย : มกอช.
