เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 สหภาพยุโรป (EU) ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของพืชสวนจากเคนยาได้กำหนดมาตรการที่เข้มงวดสำหรับถั่วที่นำเข้าจากเคนยา หลังจากที่ในปี 2562 EU จัดให้เคนยาอยู่ในบัญชีของกลุ่มประเทศที่ใช้สารกำจัดศัตรูพืชสำหรับการเพาะปลูกพืชสวนในระดับสูง และหลังจากนั้นได้เริ่มต้นการตรวจเข้มการตกค้างของสารกำจัดศัตรูพืชในถั่วที่นำเข้าจากเคนยาร้อยละ 5 ของจำนวนถั่วที่นำเข้า โดยล่าสุดยังปรับเพิ่มเป็นร้อยละ 10 เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนฝั่งผู้ส่งออกและราคาจำหน่ายในตลาดโลก
ข้อมูลจาก Official Journal ระบุว่าอาหารและอาหารสัตว์จากประเทศโลกที่สาม ซึ่งรวมถึงเคนยาถูกจัดอยู่ภายใต้เงื่อนไขพิเศษในนำสินค้าเข้ามายัง EU เนื่องจากผลผลิตมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนจากสารตกค้างเช่น สารอะฟลาทอกซิน และสารกำจัดศัตรูพืชเป็นต้น ข้อมูลจากหัวหน้าฝ่ายบริหารของสมาคมผู้ผลิตอาหารสดเคนยา ได้ให้คำแนะนำเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการระงับการนำเข้าสินค้าจากตลาด EU
โดยเกษตรกรควรใช้สารกำจัดศัตรูพืชที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงการมีปริมาณสารตกค้างในระดับที่สูง จากข้อกำหนดของ EU ในการตรวจสอบถั่วนำเข้านั่นส่งผลให้อายุของถั่ว ที่ส่งออกไปสู่ตลาดนั้นสั้นลงเนื่องมาจากต้องใช้เวลาตรวจสอบอย่างน้อย 2 วันจึงจะทราบผล
ปัจจุบัน ถั่วถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในอุตสาหกรรมพืชสวนเนื่องจากทำให้เคนยามีรายได้จากต่างประเทศมากถึง 25 พันล้านชิลลิงเคนยา (7.45 พันล้านบาท) แต่จากที่ขณะนี้เคนยาถูกจับจ้องเป็นพิเศษหลังจากที่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องจาก EU เพียงแค่บางส่วน หากสินค้าส่งออกจากเคนยายังคงมีปริมาณการตกค้างของสารกำจัดศัตรูพืชที่มากเกินเกณฑ์ที่กำหนด เคนยาอาจไม่ได้รับการเข้าถึงสิทธิพิเศษในการส่งออกพืชสวนในระยะต่อไป
ที่มา : https://www.businessdailyafrica.com/markets/marketnews/EU-beans-exports-to-cost-more-on-tighter-measures/3815534-5551780-120jj1q/index.html สรุปโดย : มกอช.
