สภายุโรปมีแผนออกกฎหมายยกเลิกการอนุญาตใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวในเดือนเมษายน 2020 โดยอังกฤษมีแผนยกเลิกการใช้หลอดพลาสติก ไม้คนพลาสติกและก้านสำลีพลาสติก ในขณะที่เยอรมันเปิดเผยว่ามีการทิ้งถ้วยประเภทใช้แล้วทิ้งกว่า 5,300ใบ/นาที
จากขยะพลาสติกในทะเลกว่า 8 ล้านตัน/ปี กว่าครึ่งเป็นพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากพลาสติกหรือมีส่วนผสมของพลาสติก ส่งผลให้รัฐบาลสหภาพยุโรปนำเรื่องปัญหาของพลาสติกใช้แล้วทิ้งเข้าสู่ฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อกำหนดมาตรการและศึกษาขอบเขตงบประมาณในการจัดการปัญหาขยะพลาสติกประเภทใช้แล้วทิ้ง
ในสหราชอาณาจักรมีการยกเลิกหลอด แท่งคน และก้านสำลีพลาสติก หลังจากการประชาพิจารณ์ส่งผลให้รัฐบาลกำหนดแผนในการไม่อนุญาตให้บริการหรือการจำหน่ายหลอด แท่งคน และก้านสำลีพลาสติกในอังกฤษ ซึ่งได้รับการตอบรับในระดับสูง มีกระแสต่อต้านหลอดพลาสติก 80%, แท่งคนพลาสติก 90% และก้านสำลีพลาสติก 89% โดยมีเป้าหมายเริ่มต้นระงับการใช้ในเดือนเมษายน 2020 ยกเว้นแต่การใช้ประโยชน์ด้านการแพทย์และทางด้านวิทยาศาสตร์
ทั้งนี้ ในส่วนของปศุสัตว์และบริการด้านอาหาร ร้านอาหาร และบาร์ จะห้ามการใช้หลอดพลาสติก ยกเว้นแต่จัดหาตามการร้องขอเป็นพิเศษของลูกค้า โดยทางรัฐบาลจะห้ามมีการกักตุนสินค้าประเภทที่กำหนดหลังจากการประกาศใช้ 1 ปี
ในส่วนของสหภาพยุโรปได้มีแผนออกกฎหมายต่อต้านพลาสติกใช้ครั้งเดียวเพื่อรับมือกับปัญหาขยะในทะเล โดยเลือกสินค้าพลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง เช่น ก้านสำลี มีดหั่นอาหาร จาน หลอด แท่งคน และก้านลูกโป่งด้วยที่ทำจากพลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียว รวมถึงถ้วยใช้แล้วทิ้ง บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ผลิตจากโพลีสไตรีน และผลิตภัณฑ์ทุกชนิดที่ผลิตจาก พลาสติกย่อยสลายได้เมื่อถูกออกซิเจน(oxo-degradable plastic) ซึ่งเป็นพลาสติกชนิดที่แตกตัวเป็นไมโครพลาสติกได้ตามธรรมชาติ แต่ไม่สามารถย่อยสลายได้ในเวลาอันสั้น ซึ่งอาจทำให้เกิดการปนเปื้อนของไมโครพลาสติกในระบบนิเวศ และทางสภายุโรปยังได้มีการดำเนินการในการลดการใช้บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ทำจากพลาสติก โดยทุกรัฐสมาชิกจะใช้กฎหมายนี้โดยทั่วกันภายในระยะเวลา 2 ปีหลังจากกฎหมายนี้บรรจุเป็นกฎหมายสากลของสหภาพยุโรป
ทั้งนี้สหภาพยุโรปมีเป้าในการเก็บคืน 77% ของขวดพลาสติกในปีในปี 2025 และ 90% ในปี 2029 นอกจากนี้จะมีการออกข้อกำหนดส่วนฝาและขวดเพิ่มเติมในอนาคต โดยมีข้อกำหนดให้มีสัดส่วนพลาสติกรีไซเคิลจำนวน 25% ในขวด PET ในปี2025 และ 30% ในปี 2030
ในส่วนของเยอรมัน มีการเรียกร้องให้หยุดการใช้ถ้วยแบบใช้แล้วทิ้ง ด้วยอัตราการใช้ถ้วยใช้แล้วทิ้งกว่า 5300 ใบ/นาทีของเยอรมนี ทำให้เกิดขยะกว่า 5.8 พันล้านใบ ในปี 2559 หรือเฉลี่ย 70 ใบ/คน โดยแบ่งเป็น 34 ใบสำหรับเครื่องดื่มร้อนและ 36 ใบสำหรับเครื่องดื่มเย็น และด้วยส่วนประกอบที่มีทั้งพลาสติกและกระดาษในถ้วยแบบใช้แล้วทิ้งทำให้มีความซับซ้อนในการรีไซเคิลมากกว่าวัตถุดิบชนิดอื่น การลดความต้องการในตลาดอาจใช้การจ่ายเพิ่ม 20 cent สำหรับตัวถ้วย และ 10 cent สำหรับตัวฝาปิด ร่วมไปกับการใช้แก้วแบบใช้ซ้ำได้เป็นการทดแทน โดยสามารถใช้งานได้อย่างน้อย20ครั้งก่อนทิ้ง หรือเฉลี่ยแล้วใช้งานได้ไม่น้อยกว่า50ครั้ง/ปี นอกจากนี้ยังสร้างช่องทางธุรกิจที่เกี่ยวกับการจัดการความสะอาดของอุปกรณ์ในร้านกาแฟขึ้นอีกช่องทางหนึ่ง