กาแฟอินโดส่งออกขยายตัว กระทบราคาตลาดโลกครั้งใหญ่

                กระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) รายงานว่า ปัจจุบันอินโดนีเซียเป็นผู้ผลิตเมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสต้า (Robusta beans)อันดับ 3 ของโลก แต่อาจจะกลายเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดภายในปี 2562 เนื่องจากสภาพอากาศที่เหมาะสมและฝนตกพอประมาณทำให้มีน้ำเพียงพอสำหรับการเพาะปลูกเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ โดย USDA คาดว่าเดือนมิถุนายน 2562 เกษตรกรของอินโดนีเซียจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 11.5 ล้านกระสอบ หรือ 690,000 เมตริกตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2561 ถึง 5% ด้วยเหตุนี้ทำให้อุปทานทั่วโลกเพิ่มมากขึ้นและส่งผลให้ราคากาแฟลดลง
                ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของอุปทานทำให้ราคาเมล็ดกาแฟโรบัสต้าคัดเกรดสำหรับส่งออกลดลง 5% เป็น 1,540 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เมื่อเปรียบเทียบจากเดือนเมษายน 2562 นอกจากนั้น ยังสร้างแรงกดดันต่อราคาตลาดโลกด้วย โดยในเดือนพฤษภาคมราคาซื้อขายเมล็ดกาแฟอาราบิก้าล่วงหน้าของนิวยอร์ก (Benchmark) ลดลง 88 เซ็นต์ต่อ 1 ปอนด์ ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2548 ในขณะที่ ราคาซื้อขายเมล็ดกาแฟโรบัสต้าล่วงหน้าของลอนดอนลดลงมาอยู่ที่ 1,290 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 9 ปี ส่วนราคาซื้อขายเมล็ดกาแฟโรบัสต้าสำหรับเดือนกรกฎาคม 2562 ลดลง 2.9% มาอยู่ที่ 1,335 ดอลลาร์สหรัฐ (สถิติ ณ วันที่ 16 พฤษภาคม 2562)
                อนึ่ง พื้นที่สำคัญในการปลูกเมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสต้า คือ จังหวัดลัมปุง (Lampung) จังหวัดเบิงกูลู (Bengkulu) และจังหวัดสุมาตราใต้ (South Sumatra) ซึ่งเป็นจังหวัดในทางตอนใต้ของเกาะสุมาตรา ผลผลิตที่ได้จากจังหวัดดังกล่าวคิดเป็น 75% ของผลผลิตทั้งหมดในประเทศ โดยผลผลิตจะถูกส่งไปยังท่าเรือปันจัง (Panjang Port) ในจังหวัดลัมปุง ส่วนกาแฟพันธุ์อาราบิก้าของอินโดนีเซีย พื้นที่ปลูกส่วนใหญ่จะอยู่ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตราและเกาะชวา