กระทรวงเกษตรและการผลิตอาหารแห่งประเทศบราซิล (MAPA) กำหนดเป้าหมายสร้างความเชื่อมั่นต่อภาคอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ทั่วโลก ด้วยการเดินทางสานสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของประเทศบราซิลกำหนดแผนเดินทางไปประเทศจีน สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อย่างเป็นทางการในปี 2562 เพื่อเปิดตลาดใหม่และส่งเสริมการพัฒนาการส่งออกผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ เช่น สัตว์ปีก นอกจากนี้ยังมีแผนเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G-20 ในเดือนมิถุนายน 2562 ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย
ตามกำหนดการของประเทศบราซิลในปี 2562 ได้ดำเนินการสานสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องมาระยะหนึ่งกับประเทศเปรูและประเทศเวียดนาม ซึ่งประเทศดังกล่าวเป็นประเทศที่สำคัญในการพัฒนาตลาดแบบทวิภาคี นอกเหนือจากประเทศจีนและประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน โดยในส่วนของประเทศเปรูแม้จะมีมูลค้าระหว่างกันไม่มากนัก แต่ก็มีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสูงถึงปีละ 4-5% ในขณะที่เวียดนามได้เปิดตลาดให้กับประเทศบราซิลและประเทศอินโดนีเซียแล้ว ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้ากระชับความสัมพันธ์เพื่อสร้างการค้าที่ยั่งยืนต่อไป
ในส่วนของตลาดสำคัญอีกแห่งหนึ่งคือ UAE ที่บราซิลเห็นว่าเป็นตลาดแห่งใหม่ที่มีศักยภาพและสามารถทดแทนตลาดเดิมคือซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเริ่มกำหนดเงื่อนไขการนำเข้าสัตว์ปีกที่ผ่านการเชือดแบบฮาลาลอย่างเข้มงวดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 และมีแนวโน้มจะลดปริมาณการนำเข้าจากบราซิลจาก 600,000 ตันเหลือ 400,000 ตัน โดยเชื่อได้ว่าซาอุดีอาระเบียประสงค์ที่พัฒนาอุตสาหกรรมสัตว์ปีกในประเทศทดแทนการนำเข้า ทั้งนี้ แม้บราซิลจะสามารถจัดการกระบวนการเชือดแบบฮาลาลในโรงเชือดได้ แต่การจัดการระบบในโรงเชือดสัตว์ปีกทำได้ยากกว่าและถือเป็นความท้าทายใหม่ โดยปัจจุบันโรงเชือดสัตว์ปีกแบบ ฮาลาลในบราซิลยังคงสามารถผลิตสินค้ารองรับความต้องการของซาอุดีอาระเบียได้อย่างเพียงพอ
อนึ่ง บราซิลพยายามอย่างมากที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้ากับตลาดสากลหลัก ๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางการค้าขึ้นมาใหม่หลังจากมรสุมปัญหาการปลอมปนเนื้อสัตว์ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีที่ผ่านมา
ที่มา : www.globalmeatnews.com สรุปโดย : มกอช.
