ตามที่สหภาพยุโรปได้การประกาศระเบียบแม่บทเกี่ยวกับวัสดุสัมผัสอาหาร ตั้งแต่ปี 2548 แล้วว่าจะต้องมีความปลอดภัยไม่ใช้สารเคมีต้องห้าม หรือส่งผ่านสารเคมีในระดับที่จะทำให้อาหารไม่มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ทั้งนี้วัสดุสัมผัสอาหาร ครอบคลุมเซรามิค จุกคอร์ค ยาง แก้ว เรซินชนิดที่สามารถแลกเปลี่ยนไอออนได้ สิ่งทอ โลหะ กระดาษ พลาสติค หมึกพิมพ์ เซลูโลสที่ทำขึ้นใหม่ ซิลิโคน แวกซ์ ไม้ สารเคลือบ สารเหนียวที่มีคุณสมบัติยึดติด (เช่น กาว) วัสดุสัมผัสอาหารที่สามารถตรวจสอบสภาพอาหารหรือสิ่งแวดล้อมได้
ในอีก 3 เดือนข้างหน้านี้ระเบียบจะเริ่มบังคับใช้มาตรการตรวจสอบย้อนกลับกับวัสดุสัมผัสอาหารแล้ว โดยใช้ตามหลักการ one- step-up, one-step-down ของ traceability
ในกรณีของวัสดุสัมผัสอาหารที่ยังไม่มีอาหารอยู่ ผู้ประกอบการวัสดุสัมผัสอาหารจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการเก็บข้อมูลสินค้านั้นมาจากไหนและจะส่งต่อให้ใคร แต่ในกรณีของอาหารที่มีวัสดุสัมผัสอาหารอยู่ด้วย เช่น อาหารในขวดแก้ว เป็นต้น ผู้ประกอบอาหารจะต้องเก็บข้อมูลของวัสดุสัมผัสอาหารไว้ด้วยว่ามาจากไหน ((ชื่อ-ที่อยู่ และลักษณะผลิตภัณฑ์ที่รับมาจากผู้จัดหา/ ผู้ผลิตวัสดุสัมผัสอาหาร) โดยยังไม่ต้องส่งข้อมูลให้ผู้นำเข้า และในกรณีที่มีปัญหาผู้นำเข้าจะได้ติดต่อขอข้อมูลดังกล่าวให้หน่วยงานรับผิดชอบของสหภาพยุโรป
สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ