จากการประชุม International Agriculture Trade Fair 2016 ครั้งที่ 16 ภารกิจเร่งด่วนของเวียดนามในการแก้ปัญหาการฝ่าฝืนกฎระเบียบด้านความปลอดภัยอาหารที่เป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของชุมชน คือการพัฒนาฟาร์มเกษตรอินทรีย์ จากข้อมูลของสมาคมเกษตรอินทรีย์ของเวียดนาม พื้นที่การทำฟาร์มเกษตรอินทรีย์ของประเทศเพิ่มขึ้นจาก 21,000 เฮกตาร์ ในปี 2553 เป็น 43,000 เฮกตาร์ ในปัจุบัน โดยสินค้าเกษตรอินทรีย์มีความต้องการสูงทั้งจากตลาดในประเทศและต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เยอรมนี เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา เป็นต้น นอกจากนี้สินค้าเกษตรอินทรีย์มีราคาสูงกว่าราคาสินค้าปกติ 3-4 เท่า
ในขณะที่ ทั่วโลกมีการพัฒนาที่ดีด้านการทำเกษตรอินทรีย์ ทว่าเวียดนามยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นของการพัฒนา ดังนั้นเพื่อส่งเสริมการทำฟาร์มเกษตรอินทรีย์ จึงจำเป็นที่เกษตรกรจะต้องได้รับการอบรมและเวลาในการปรับตัวเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐาน VietGAP หรือ GlobalGAP ในขณะเดียวกันการเลือกชนิดและประเภทของพืชและสัตว์ที่เหมาะสมสำหรับฟาร์มเกษตรอินทรีย์ในแต่ละภูมิภาครวมทั้งการออกนโยบายเพื่อจูงใจนักลงทุนก็เป็นปัจจัยสำคัญ
หน่วยงานภาครัฐทั้งกระทรวงและองค์กรต่างๆ ควรออกกฎระเบียบและคู่มือสำหรับการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่เหมาะสมกับสภาพของประเทศและสอดคล้องกับมาตรฐานสินค้าระหว่างประเทศซึ่งสามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งผลิตได้จากฉลาก รวมถึงของผลิตภัณฑ์ ต้องมีการจัดทำการรับรองระบบงานและการให้การรับรองผลิตภัณฑ์ใหม่เกษตรอินทรีย์
ในปัจจุบันฟาร์มเกษตรอินทรีย์นอกจากช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรแล้วยังช่วยสร้างความมั่นใจว่าสินค้าที่ปลูกเพื่อการบริโภคภายในประเทศและส่งออกมีความปลอดภัยเพียงพอ