เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2558 คณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศลงใน EU Official Journal L 323/2 ว่าด้วยการแก้ไขข้อบังคับสำหรับสินค้าประมงประเภท หอยสองฝา สัตว์น้ำกลุ่มมอลลัสก์ (หอยและหมึก) เอคไคโนเดอร์ม (ดาว ปลิง เม่นทะเล) ทูนิเขท และ หอยทะเลฝาเดียว เพื่อลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย ภายใต้กฎระเบียบ Regulation (EC) No 854/2004 ซึ่งเป็นการกำหนดข้อบังคับด้านสุขอนามัยสำหรับอาหารที่มีแหล่งกำเนิดมาจากสัตว์ที่ผู้ผลิตสินค้าอาหารต้องปฎิบัติตาม โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
1. หน่วยงานรับผิดชอบหลักจะต้องกำหนดแหล่งรับรองที่สามารถเลี้ยงหอยสองฝาส่งออกไปยังสหภาพยุโรป โดยแบ่งพื้นที่แหล่งรับรอง เป็น 3 ประเภท คือ (A, B, C) ตามระดับ การปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียที่มาจากอุจจาระ (faecal contamination) ซึ่ง CA จะต้องกำหนดช่วงเวลาการสุ่มตัวอย่างจากแหล่งเลี้ยงและแหล่งพักตามมาตรฐานที่กำหนดในกฎระเบียบนี้ก่อน จึงนำข้อมูลจากการวิเคราะห์มากำหนดพื้นที่รับรองแต่ละประเภทในกรณีของพื้นที่เขต A กำหนดไว้ว่า หอยสองฝามีชีวิตที่มาจากพื้นที่เพาะเลี้ยงดังกล่าว สามารถจับและนำไปบริโภคได้ทันที โดยหอยสองฝาที่มาจากพื้นที่เพาะเลี้ยงนี้จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดสุขอนามัยใน Annex III, Section VII, Chapter V ของ Regulation (EC) No 854/2004
2. กฎระเบียบ Commission Regulation (EC) No 2073/2005 กำหนดบรรทัดฐานของ การปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียและข้อบังคับที่ผู้ประกอบการต้องปฎิบัติตามมาตรา 4 ของ Regulation (EC) No 852/2004 โดยเฉพาะการควบคุมการปนเปื้อนของเชื้อ Escherichia coli ในหอยสองฝามีชีวิต เอคไคโน เดอร์ม (ดาว ปลิง เม่นทะเล) ทูนิเขท และหอยทะเลฝาเดียวมีชีวิต
3. EU ปรับมาตรฐานการสุ่มตรวจของ EU ให้ตรงตามมาตรฐานของ Codex ที่เป็นมาตรฐานสากล โดยระบุว่าตัวอย่างสัตว์น้ำที่เก็บจากพื้นที่เพาะเลี้ยงเขต A ประมาณ 80% ของตัวอย่าง ที่เก็บในระหว่างช่วงที่ตรวจวิจัย โดยจะต้องตรวจพบเชื้อ Escherichia coli ไม่เกิน 230 MPN ต่อ 100 กรัมของเนื้อและน้ำหอย และสำหรับตัวอย่างอีก 20% ที่เหลือ จะต้องตรวจพบเชื้อ Escherichia coli ไม่เกิน 700 MPN ต่อ 100 กรัมของเนื้อและน้ำหอย (มาตรฐานของ Codex ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเชื้อ Escherichia coli ในสินค้าที่วางจำหน่ายในตลาด โดย Codex กำหนดแผนสุ่มตรวจตัวอย่าง 3 ชั้น (three-class) คือ n = 5, c = 1, m = 230 และ M = 700 E.coli MPN/100 g of flesh)
กฎระเบียบฉบับนี้จะมีผลทางกฎหมาย 3 วันภายหลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศในวันที่ 9 ธันวาคม 2558) และจะมีผลปรับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป
สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32015R2285&from=EN
ที่มา: thaieurope สรุปโดย: มกอช