เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2557 สหภาพยุโรปได้ประกาศกฎระเบียบ Commission Regulation (EU) No 497/2014 of 14 May 2014 amending Annex II to Regulation (EC) No 1333/2008 of the European Parliament and of the Council and the Annex to Commission Regulation (EU) No 231/2012 as regards the use of Advantame as a sweetener ใน EU Official Journal L 143/6 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
1. เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2556 สำนักงานความปลอดภัยอาหารประจำสหภาพยุโรป (European Food Safety Authority: EFSA) รับรองสาร Advantame ให้สามารถใช้เป็นสารให้ความหวาน พร้อมทั้งกำหนดปริมาณที่ร่างกายสามารถรับได้ต่อสัปดาห์โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ (Tolerable Weekly Intake: TWI) ไว้ที่ระดับ 5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ของน้ำหนักตัว
2. เพิ่มสาร Advantame เข้าในบัญชีรายชื่อสารเสริมที่ได้รับการอนุญาต ภายใต้เลขที่ “E969” โดยสามารถใช้ได้กับสินค้าอาหาร ตามรายการดังนี้
- ผลิตภัณฑ์จากนมหมักที่มีการแต่งกลิ่นรส รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ผ่านความร้อน
- ไอศครีม
- ผลไม้และผักดองในน้ำส้มสายชู น้ำมัน หรือน้ำเกลือ
- ผลไม้และผักกระป๋องที่บรรจุขวดแล้ว
- ผลไม้และผักแปรรูป ยกเว้น เนื้อผลไม้บด (compote)
- แยมและเยลลี่ ตามระบุใน Directive 2001/113/EC
- แยม เยลลี่ แยมส้ม ครีมเกาลัด ตามระบุใน Directive 2001/113/EC
- ครีมทาขนมปังที่ทำจากผลไม้หรือผักต่างๆ
- ผลิตภัณฑ์จากโกโก้และช็อคโกแลต ตามระบุใน Directive 2000/36/EC
- ลูกผมรสต่างๆ รวมถึงลูกอมเม็ดเล็กที่ช่วยทำให้ลมหายใจสดชื่น
- หมากฝรั่ง
- การใช้ตกแต่ง เคลือบ หรือยัดไส้ ยกเว้นไส้ที่ทำจากผลไม้ ตามประเภท 4.2.4
- ธัญพืชอาหารเช้า
- ขนมปังประเภท fine bakery wares
- ปลาและสินค้าประมงแปรรูป รวมถึงสัตว์น้ำประเภท mollusks และ crustaceans
- สารเพิ่มความหวานประเภทตั้งโต๊ะในรูปของเหลว
- สารเพิ่มความหวานประเภทตั้งโต๊ะในรูปผง
- สารเพิ่มความหวานประเภทตั้งโต๊ะในรูปอัดเม็ด
- มัสตาร์ด
- ซุป และน้ำซุป
- ซอส
- สลัดและครีมทาขนมปัง
- อาหารพิเศษสำหรับใช้ทางการแพทย์ ตามระบุใน Directive 1999/21/EC (ยกเว้นสินค้าจากอาหารประเภท 13.1.5)
- อาหารประเภทควบคุมน้ำหนักทดแทนอาหารปกติที่ร่างกายได้รับตลอดทั้งวันหรือทดแทนอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง
- ผลไม้กลุ่ม nectars ตามระบุใน Directive 2001/112/EC และผักกลุ่ม nectars และสินค้าที่มีความคล้ายคลึง
- เครื่องดื่มแต่งกลิ่นรส (flavoured drinks)
- เบียร์และเครื่องดื่มที่ทำจากมอลท์
- ไซเดอร์และเพอร์รี่ (cider and perry)
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงเครื่องดื่มสุราที่มีแอลกอฮอล์ผสมน้อยกว่า 15% และเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ที่ผสมกับเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์
- อาหารขบเคี้ยว (snacks) ที่ทำจากมันฝรั่ง ธัญพืช แป้งสาลี หรือแป้ง
- ถั่วแปรรูป
- ขนมหวาน ไม่รวมถึงสินค้าในกลุ่ม 1, 3 และ 4
- อาหารเสริมในรูปของแข็ง (solid form) รวมถึงแคปซูล ยาอัดเม็ดที่เป็นแผง และอาหารเสริมอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันนี้
- อาหารเสริมในรูปของเหลว (liquid form)
- อาหารเสริมประเภทไซรัป (syrup-type) หรือในรูปที่ต้องขบเคี้ยว (chewable form)
3. กฎระเบียบดังกล่าวจะมีผลตามกฎหมาย 20 วัน หลังจากวันที่ประกาศลงใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2557) เป็นต้นไป
ทั้งนี้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามเว็บไซต์ดังต่อไปนี้: http://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/HTML/?uri=CELEX:32014R0497&from=EN
ที่มา : สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป สรุปโดย : มกอช.