เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2556 สหภาพยุโรปได้ประกาศกฎระเบียบ Commission Regulation (EU) No 438/2013 เพื่อปรับปรุงแก้ไขบัญชีรายชื่อวัตถุเจือปนอาหารใน Annex II ของ Regulation (EC) No 1333/2008 สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. กำหนดให้ใช้วัตถุเจือปนอาหาร Group I ได้ในอาหารหมวด 01.7.1 (เนยแข็งที่ยังไม่ผ่านการบ่ม ที่ไม่เข้ากับหมวด 01.6) ยกเว้นในมอสซาเรลล่าชีส
2. กำหนดให้ใช้วัตถุเจือปนอาหารกลุ่ม anti-oxidant (E 300-302 และ E 330-333) ในอาหารหมวด 04.1.2 (ผลไม้และผักปอกเปลือก หั่น และหั่นซอย) เฉพาะในกลุ่มผลไม้และผักที่ไม่ผ่านการแปรรูปพร้อมรับประทานซึ่งนำไปบรรจุและแช่เย็น และมันฝรั่งปอกเปลือกที่นำไปบรรจุโดยยังไม่ผ่านการแปรรูป
3. กำหนดให้ใช้วัตถุเจือปนอาหารกลุ่ม E 200-219 (Sorbic acid sorbates, Benzoic acid benzoates; p-hydroxybenzoates) ในอาหารหมวด 08.2.2 (เนื้อสัตว์ที่ผ่านกระบวนการให้ความร้อน) ได้เฉพาะการใช้กับผิวหน้าอาหารกลุ่มเนื้อสัตว์ตากแห้ง
4. กำหนดให้ใช้วัตถุเจือปนอาหาร Natamycin (E 235) ในไส้กรอกอบแห้งที่ผ่านกระบวนการให้ความร้อน (heat-treated dried cured sausages) โดยระบุให้พบได้ในปริมาณ 1 มิลลิกรัม ต่อพื้นที่ผิว 1 ตารางเดซิเมตร ที่ความลึกต่ำกว่า 5 มิลลิเมตรจากผิวสัมผัสของผลิตภัณฑ์
5. กำหนดค่าอนุโลมสูงสุดของวัตถุเจือปนอาหาร Curcumin (E 100) ในอาหารหมวด 09.2 (ปลาและสินค้าประมงแปรรูป รวมถึงมอลลัสก์และครัสเตเชียน) โดยให้ใช้ได้ไม่เกิน 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม คิดจากผลรวมของสารในกลุ่มที่อนุญาตให้ใช้ร่วม หรือปริมาณสารชนิดเดียวตามข้อกำหนดดังนี้
5.1 ข้อกำหนด (35) ผลรวมหรือปริมาณสารชนิดเดียวในกลุ่ม E 100, E 102, E 120, E 122, E 142, E 151, E 160e และ E 161b โดยกฎระเบียบใหม่ได้ใช้ข้อกำหนด (35) ในผลิตภัณฑ์ปลาและครัสเตเชียนบด
5.2 ข้อกำหนด (36) ผลรวมหรือปริมาณสารชนิดเดียวในกลุ่ม E 100, E 102, E 120, E 122, E 129, E 142, E 151, E 160e และ E 161b
5.3 ข้อกำหนด (37) ผลรวมหรือปริมาณสารชนิดเดียวในกลุ่ม E 100, E 102, E 120, E 151 และ E 160e โดยกฎระเบียบใหม่ได้ใช้ข้อกำหนด (37) ในผลิตภัณฑ์ปลารมควัน
6. กำหนดค่าอนุโลมสูงสุดของวัตถุเจือปนอาหาร E 331 (sodium citrates), E 332 (potassium citrates) และ E 338 (phosphoric acid) ในอาหารหมวด 13.1.4 (อาหารชนิดอื่นๆ สำหรับเด็กเล็ก) ตามข้อกำหนดดังนี้
6.1 ข้อกำหนด (43) ผลรวมหรือปริมาณสารชนิดเดียวของ E 331 และ E 332 ซึ่งเป็นไปตาม Directives 2006/141/EC, 2006/125/EC และ 1999/21/EC โดยกฎระเบียบใหม่ได้ใช้ข้อกำหนด (43) ในสาร E 331 ที่ 2,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และสาร E 332 ที่ปริมาณ quantum satis
6.2 ข้อกำหนด (44) ตามข้อกำหนดใน Directives 2006/141/EC, 2006/125/EC และ 1999/21/EC โดยกฎระเบียบใหม่ได้ใช้ข้อกำหนด (44) ร่วมกับข้อกำหนด (1) และ (4) ในสาร E 338
7. กำหนดให้ใช้วัตถุเจือปนอาหารกลุ่มที่อนุญาตให้ใช้ในอาหารหมวด 13.1.2 และ 13.1.3 ในอาหารหมวด 13.1.5.2 (อาหารทางการแพทย์สำหรับทารกและเด็กเล็ก ตามที่ระบุใน Directives 1999/21/EC) ยกเว้นสาร E 270, E 333 และ E 341
8. กำหนดการใช้วัตถุเจือปนอาหาร Group II, Group III และวัตถุเจือปนอาหาร E 123 (amaranth) และ E 150a-d (caramels) ในอาหารหมวด 14.2.6 (เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามที่ระบุใน Regulation (EC) No 110/2008) ดังนี้
8.1 แก้ไขค่าอนุโลมสูงสุดของวัตถุเจือปนอาหาร Group II เพื่อใช้เป็นสีผสมอาหาร ที่ระดับ quantum satis วัตถุเจือปนอาหาร Group III เพื่อใช้เป็นสีผสมอาหาร โดยใช้ได้ในปริมาณรวมสูงสุดไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และวัตถุเจือปนอาหาร E 123 ที่ 30 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ยกเว้นในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ระบุในมาตรา 5(1) และใน Annex II ย่อหน้าที่ 1-14 ของ Regulation (EC) No 110/2008 และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากผลไม้ที่ได้จากกระบวนการหมักและกลั่น, Geist, London Gin, Sambuca, Maraschino, Marrasquino หรือ Maraskino และ Mistra
8.2 กำหนดให้ใช้วัตถุเจือปนอาหารกลุ่ม E 150a-d (caramels) ยกเว้นในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากผลไม้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากผลไม้ที่ได้จากกระบวนการหมักและกลั่น, Geist, London Gin, Sambuca, Maraschino, Marrasquino หรือ Maraskino และ Mistra
8.3 อนุญาตให้ใช้สีผสมอาหาร E 104 (Quinoline Yellow) ที่ 180 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม E 110 (Sunset Yellow FCF/Orange Yellow S) ที่ 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และ E 124 (Ponceau 4R/Cochineal Red A) ที่ 170 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ยกเว้นในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ระบุในมาตรา 5(1) และใน Annex II ย่อหน้าที่ 1-14 ของ Regulation (EC) No 110/2008 และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากผลไม้ที่ได้จากกระบวนการหมักและกลั่น, Geist, London Gin, Sambuca, Maraschino, Marrasquino หรือ Maraskino และ Mistra
8.4 อนุญาตให้ใช้วัตถุเจือปนอาหาร E 150a-d (caramels) ในอาหารหมวด 14.2.7.1 (ไวน์หอมปรุงแต่งด้วยสมุนไพรซึ่งนิยมดื่มก่อนรับประทานอาหาร)
9. กำหนดวันสิ้นสุดการใช้วัตถุเจือปนอาหารกลุ่ม E 551-559 (Silicon dioxides - silicates) ในอาหารหมวด 17.1 (อาหารเสริมในรูปของแข็ง รวมทั้งแคปซูลและเม็ด ยกเว้นในรูปแบบสำหรับเคี้ยว) 17.2 (อาหารเสริมในรูปของเหลว) และ 17.3 (อาหารเสริมในรูปน้ำเชื่อม และรูปแบบสำหรับเคี้ยว) ให้สิ้นสุดการใช้ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2557 โดยจะอนุญาตให้ใช้เฉพาะวัตถุเจือปนอาหาร E 551-553 ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 เป็นต้นไป
ที่มา : สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป ณ กรุงบรัสเซลส์
( 14 มิถุนายน 2556 )