สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป ณ กรุงบรัสเซลส์ ได้รายงานสรุปสถานการณ์โลกของอุตสาหกรรมสัตว์ปีก โดยมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
1. แนวโน้มการแข่งขันในตลาดสัตว์ปีกตลอดทั้งปี 2556 จะดีขึ้นเนื่องจากเนื้อโคและเนื้อสุกรมีราคาแพง แต่ยังคงขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญคือราคาอาหารสัตว์ ทั้งนี้ ประเทศผู้ส่งออกหลักที่มีอัตราการขยายตัวของตลาดมากที่สุด คือ ประเทศไทย เนื่องจากความสามารถในการขยายตลาดในสหภาพยุโรปและเอเชียตะวันออก
1.1 สถานการณ์ในสหภาพยุโรป: หลายประเทศในสหภาพยุโรปได้รับแรงกดดันด้านสวัสดิภาพสัตว์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเด็นที่กรีซและอิตาลีถูกขึ้นศาลสหภาพยุโรปเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่ห้ามเลี้ยงแม่ไก่ในกรงตับ
1.2 สถานการณ์ในไทย: พบปัญหาสำคัญคือผลผลิตที่มากเกินกว่าความต้องการภายในประเทศ คาดว่าในปี 2556 สหภาพยุโรปจะมีความต้องการผลิตภัณฑ์ไก่หมักเกลือจากไทยและญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้อุปสงค์และอุปทานกลับมาสมดุล
1.3 สถานการณ์ในภูมิภาคอื่นๆ: ประเทศที่มีอัตราการส่งออกที่สูงขึ้นอย่างเด่นชัด คือ ตุรกี อาร์เจนตินา และยูเครน
2. สหรัฐฯ ผ่อนปรนข้อกำหนดการนำเข้าสินค้าสัตว์ปีกจากสหภาพยุโรป โดยสำนักงานสุขภาพสัตว์และพืช (APHIS) ได้รับรองประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปจำนวน 25 ประเทศ ว่าปลอดจากเชื้อไข้หวัดนก และนิวคาสเซิล และอยู่ระหว่างการจัดทำข้อกำหนดในการนำเข้าสัตว์ปีกมีชีวิต ไข่ฟัก เนื้อสัตว์ปีก และผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจากสหภาพยุโรป โดยยังคงมาตรการความปลอดภัยเกี่ยวกับสองโรคดังกล่าว เนื่องจากยังมีประเทศที่มีความเสี่ยงของโรค คือ บัลแกเรียและโรมาเนีย สหรัฐฯ จึงไม่อนุญาตให้นำเข้าสินค้าที่ส่งผ่านมาทางสองประเทศดังกล่าว ยกเว้นสินค้าไข่ฟักที่จะต้องมีระบบความปลอดภัยในการขนส่ง
ที่มา : สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป
ณ กรุงบรัสเซลส์(7 มิ.ย.56)