ไทยกำลังสูญเสียความสามารถในการแข่งขันส่งออกข้าว จากการที่ผลผลิตข้าวไทยราคาแพงอันเป็นผลมาจากนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาล รวมทั้งศักยภาพของประเทศคู่แข่งที่สำคัญทั้งอินเดีย และเวียดนามที่เพิ่มสูงขึ้น ล่าสุดในปี 2556 นี้ คาดว่ากัมพูชาจะเข้ามามีส่วนแบ่งในการส่งออกข้าวอีกประเทศหนึ่ง โดยข้อมูลจากกระทรวงเกษตรกัมพูชาเปิดเผยว่า ผลผลิตข้าวเปลือกทั่วประเทศอยู่ที่ประมาณ 9.3 ล้านตัน ซึ่งเมื่อใช้บริโภคในประเทศแล้วยังมีผลผลิตอีกกว่า 4.7 ล้านตัน ซึ่งสามารถผลิตเป็นข้าวสารเพื่อส่งออกได้ถึง 3.0 ล้านตัน แม้ว่าก่อนหน้านี้ช่วงเดือนสิงหาคม 2555 จะเกิดภัยแล้งลุกลาม ใน 14 จังหวัด ซึ่งทำลายพื้นที่นาข้าวกว่า 100,444 เฮกตาร์ (ประมาณ 627,000 ไร่) แล้วก็ตาม
กัมพูชาตั้งเป้าหมายที่จะส่งออกข้าวให้ได้ 1 ล้านตัน ภายในปี 2558 โดยล่าสุดปริมาณการส่งออกในปี 2555 อยู่ที่ 187,119 ตัน คิดเป็นมูลค่า 131.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,954 ล้านบาท) โดยมีตลาดใหญ่ได้แก่สหภาพยุโรป ซึ่งกัมพูชาได้รับสิทธิประโยชน์การยกเว้นการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรภายใต้โครงการช่วยเหลือประเทศยากจนและกำลังพัฒนา เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่ส่งออกได้ 170,772 ตัน คิดเป็นมูลค่า 104 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,120 ล้านบาท) ถือว่ามีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการที่กัมพูชาได้ลงทุนในแขนงการก่อสร้าง และขยายระบบชลประทาน จัดสร้างอ่างเก็บน้ำ เขื่อนผลิตไฟฟ้า ด้วยเงินกู้ และเงินช่วยเหลือจากประเทศผู้บริจาค เช่น ฝรั่งเศส
ทั้งนี้ในการประชุมผู้ส่งออกข้าวที่เกาะบาหลี อินโดนีเซีย เมื่อปี 2555 ข้าวหอมของกัมพูชาได้รับการโหวตจากผู้เชี่ยวชาญให้เป็นข้าวหอมคุณภาพดีที่สุดในโลก แทนที่ข้าวหอมจากพม่าที่ได้ตำแหน่งนี้มาในช่วง 2-3 ปีล่าสุด
