คณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศกฎระเบียบ Commission Implementing Regulation (EU) No 1213/2012 เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2555 เพื่อประกาศรายการสินค้าตาม Section ที่จะถูกตัดสิทธิประโยชน์ภายใต้โครงการ GSP ใหม่ของสหภาพยุโรป ที่จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 ซึ่งประเทศไทยจะถูกตัดสิทธิในสินค้าภายใต้ Section S-4a, S-4b และ S14 ตามรายละเอียดดังนี้
- สินค้าใน Section S-4a ได้แก่ ของปรุงแต่งจากเนื้อสัตว์ ปลา หรือสัตว์จำพวกครัสเตเซีย มอลลัสก์ หรือสัตว์น้ำที่ไม่มีกระดูกสันหลังอื่นๆ ซึ่งสินค้าที่จะได้รับผลกระทบอย่างมากคือ สินค้าประเภทเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ประมงแปรรูป ได้แก่ ทูน่ากระป๋อง และกุ้งแปรรูป
- สินค้าใน Section S-4b ได้แก่ น้ำตาล ขนมที่ทำจากน้ำตาล โกโก้และของปรุงแต่งที่ทำจากโกโก้ ของปรุงแต่งจากธัญพืช แป้ง สตาร์ช หรือนม ผลิตภัณฑ์อาหารจำพวกเพสทรี ของปรุงแต่งทำจากพืชผัก ผลไม้ ลูกนัต หรือจากส่วนอื่นของพืช ของปรุงแต่งเบ็ดเตล็ดที่บริโภคได้ เครื่องดื่ม สุรา น้ำส้มสายชู กากและเศษที่เหลือจากอุตสาหกรรมผลิตอาหาร อาหารที่จัดทำไว้สำหรับเลี้ยงสัตว์ ซึ่งสินค้าที่จะได้รับผลกระทบอย่างมากคือ อาหารแปรรูป และผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์
- สินค้าใน Section S-14 ได้แก่ ไข่มุกธรรมชาติหรือไข่มุกเลี้ยง รัตนชาติหรือกึ่งรัตนชาติ โลหะมีค่า โลหะที่หุ้มด้วยโลหะมีค่า และของที่ทำด้วยของดังกล่าว เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณที่เป็นของเทียม เหรียญกษาปณ์ ซึ่งสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงได้แก่ สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ แต่เนื่องจากเป็นสินค้าที่ถูกตัด GSP อยู่แล้ว จึงไม่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ประเทศอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ GSP ใหม่ของสหภาพยุโรป ได้แก่ จีน อินโดนีเซีย อินเดีย คอสตาริกา เอกวาดอร์ ไนจีเรีย และยูเครน โดยสามารถ