TH EN
A A A

อินโดเข้มออกระเบียบใหม่เข้มนำเข้าผลไม้ กระทบส่งออกไทย เกษตรเร่งเจรจาเขตปลอดศัตรูพืชและการยอมรับร่วม

5 November 2555   

               
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดส่งคณะผู้แทนไทยประกอบด้วยผู้อำนวยการกองนโนบายมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กรมวิชาการเกษตร  และผู้อำนวยการสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมกับกระทรวงเกษตรของอินโดนีเซีย ทั้งหน่วยงานรับผิดชอบออกใบแนะนำก่อนนำเข้าพืชสวน (RIPH)  และหน่วยงานรับผิดชอบเรื่องเขตปลอดศัตรูพืชและการทำการยอมรับร่วม (MRA)  รวมทั้งเข้าร่วมกับผู้แทนกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศในการเข้าพบหารือกับกระทรวงการค้าซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบออกใบอนุญาตนำเข้า  (Import permit) ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2555  ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย  สรุปสาระสำคัญดังนี้

                  ๑. จากการที่ในช่วงที่ผ่านมาอินโดนีเซียได้ออกระเบียบใหม่หลายฉบับ รวมทั้งได้มีการปรับปรุงแก้ไข และยกเลิก  โดยให้มีการบังคับใช้ตั้งแต่ 28 ตุลาคม 2555 ซึ่งจะมีขั้นตอนต่างๆในการนำเข้าสินค้ากลุ่มพืชหัว            ผัก ผลไม้และผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นมาก โดยส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้ส่งออกไทยคือ ผู้นำเข้าของอินโดนีเซียต้องยื่นขอใบแนะนำจากกระทรวงเกษตรของอินโดนีเซียโดยต้องแนบหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น  รายชื่อผู้ส่งออก รายชื่อฟาร์มและโรงคัดบรรจุที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร  ปริมาณสินค้าที่ต้องการส่งออกมาอินโดนีเซีย  เป็นต้น             ซึ่งกระทรวงเกษตรอินโดนีเซียจะออกใบแนะนำให้โดยระบุว่าจะนำเข้าได้จำนวนเท่าไรโดยพิจารณาจากหลักเกณฑ์ต่างๆ เช่น  การผลิตภายในประเทศของอินโดนีเซีย  ช่วงเวลาผลิต  ความต้องการบริโภค  เป็นต้น   หลังจากนั้นผู้นำเข้าจะต้องนำใบแนะนำนี้ไปขอออกใบอนุญาตนำเข้าจากกระทรวงการค้าของอินโดนีเซียก่อนจึงจะนำเข้าสินค้าได้

                  ๒. ฝ่ายไทยได้มีการชี้แจงว่า เนื่องจากความซับซ้อนของกฎระเบียบประกอบกับเพิ่มขั้นตอนต่างๆรวมทั้ง เป็นเรื่องใหม่ทำให้เกิดความสับสนทั้งกับผู้นำเข้า ผู้ส่งออก และเจ้าหน้าที่ จึงขอให้อินโดนีเซียพิจารณาทบทวนและขยายระยะเวลาในการบังคับใช้ไปก่อนเมื่อมิให้กระทบต่อการค้า  อย่างไรก็ตาม ฝ่ายอินโดนีเซียแจ้งว่าสินค้าเป้าหมายที่อยู่ในระเบียบหากมาถึงด่านนำเข้าอินโดนีเซียหลังวันที่ 28 ตุลาคม จะต้องปฏิบัติตามระเบียบนี้ มิฉะนั้นจะถูกปฏิเสธการนำเข้า

                 ทั้งนี้หากมีใบแนะนำแล้ว ฝ่ายอินโดนีเซียยืนยันว่าจะสามารถออกใบอนุญาตนำเข้าได้ภายใน 5 วันทำการและไม่มีความยุ่งยากในการขอเนื่องจากเป็นการยื่นขอแบบออนไลน์   สำหรับใบแนะนำในรอบนี้ (นำเข้าได้จนถึงสิ้นปี 2555) เนื่องจากมีคำขอเข้ามาเป็นจำนวนมากถึง 1,800 คำขอจึงได้ขยายระยะเวลาในการออกให้จนถึงภายใน 23 ธันวาคม สำหรับการนำเข้าในปีหน้าจะแจ้งรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

                 ๓. ในส่วนของผลไม้ไทยที่ส่งออกไปอินโดนีเซียที่จะได้รับผลกระทบจากระเบียบนี้คือ ลำไย ทุเรียนและมะม่วง  และพืชสวน คือ หอมแดง อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า  ลำไยของไทยบางตู้ถูกกักกันอยู่ที่ด่านและส่งออกมาแล้วหลัง 28 ตุลาคมจะมาถึงอินโดนีเซียในสัปดาห์หน้าเป็นสินค้าที่ผู้นำเข้ามีใบแนะนำหมดแล้ว               แต่อยู่ระหว่างขอใบอนุญาตนำเข้า  ซึ่งหากเป็นไปตามที่อินโดนีเซียยืนยันก็คาดว่าสินค้าจะสามารถตรวจปล่อยได้  ไม่มีปัญหา

                 ๔. สำหรับลำไย และทุเรียนของไทยนั้น ปัจจุบันสามารถส่งออกเข้าไปได้ทุกด่านนำเข้าของอินโดนีเซีย  แต่มะม่วงและหอมแดงไม่สามารถส่งเข้าไปยังด่านทางเรือของจาการ์ตาได้  แต่ต้องส่งเข้าที่เมืองสุราบายาก่อนขนส่งเข้ามายังจาการ์ตา  ทำให้มีปัญหาต้นทุนขนส่งเพิ่มและมีปัญหาเรื่องอายุเก็บรักษาในกรณีของมะม่วง  ทั้งนี้                  กรมวิชาการเกษตรได้ยื่นขอทำการยอมรับร่วมหรือ เอ็มอาร์เอ กับอินโดนีเซียแล้วโดยจะขอขยายให้ครอบคลุมทุกสินค้าที่ไทยส่งออกไปอินโดนีเซีย   สำหรับในส่วนของหอมแดงจะตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับศัตรูพืชก่อนว่าจะขอยื่นทำเขตปลอดศัตรูพืชแทนหรือจะทำการยอมรับร่วมพร้อมกับพืชอื่นว่าอย่างไหนจะใช้ระยะเวลาเสร็จเร็วกว่า  ซึ่งหากทำเขตศัตรูพืชหรือการยอมรับร่วมแล้ว  สินค้าจะสามารถส่งเข้าได้ทุกด่านนำเข้าและไม่ต้องถูกตรวจสอบ    สารตกค้างที่ด่านนำเข้า

                ๕. กรณีเซอเวย์เยอ ซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารก่อนการส่งออกนั้น   สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรประจำกรุงจาการ์ตาจะประสานงานกับหน่วยงานเซอเวย์เยอของอินโดนีเซียกับของไทย  เพื่อให้ผู้ส่งออกของไทยสามารถใช้บริการจากเซอร์เวย์เยอได้เมื่อมีการบังคับใช้ระเบียบเรื่องนี้

                ๖. ปัจจุบันอินโดนีเซียเป็นตลาดส่งออกผลไม้และพืชสวนที่สำคัญของไทยหลายรายการ เช่น  ลำไย ทุเรียน  หอมแดงของไทย  โดยไทยส่งออกในปี 2554 ประมาณ  2,100 ล้านบาท  600 ล้านบาท และ 400 ล้านบาท ตามลำดับ  ส่วนสินค้าที่ไทยนำเข้าจากอินโดนีเซียส่วนใหญ่เป็นสินค้ารังนกและสินค้าประมงเพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตของโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์รังนกและประมง  การค้าระหว่างไทยกับอินโดนีเซียในรายการเหล่านี้มีอัตราการขยายตัวสูง  ดังนั้น  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะติดตามกฎระเบียบต่างๆ ประเด็นปัญหาทีเกิดขึ้นรวมทั้งเร่งรัดการเจรจาเขตปลอดศัตรูพืชและการยอมรับร่วม      ดังนั้น หากผู้ประกอบการมีปัญหาประการใดสามารถแจ้งได้ที่ มกอช. หรือกรมวิชาการเกษตร ซึ่งทำงานร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศประจำกรุงจาการ์ตา  อินโดนีเซีย  รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงพาณิชย์ เช่น กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

 

ที่มา : สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (5 พ.ย.55)

 

 

 

 

Is this article useful?