จากการที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เช่น ปัญหาเรื่องโรคอ้วน ทำให้ตลาดขนมหวานในสหภาพยุโรป (EU) ซบเซา ในช่วงปี 2551 2554 ยอดจำหน่ายขนมหวานไม่เคลื่อนไหว โดยในปี 2551 มียอดจำหน่าย 8.6 พันล้านยูโร และ ในปี 2554 มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 8.9 พันล้านยูโร
ผลการวิจัย จาก Mintel ซึ่งเป็นบริษัททำวิจัยการตลาดระบุว่า ยอดจำหน่ายขนมหวานลดลงมากที่สุดในตลาดที่ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว เช่น ในเยอรมันซึ่งแม้จะเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป แต่ในปี 2551 ยอดจำหน่ายลดลงจาก 3.8 พันล้านยูโร เหลือ 3.6 พันล้านยูโร
นาย David Jago ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมและวิสัยทัศน์กล่าวว่า ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจเป็นเวลานานส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้บริโภค และขณะนี้ ผู้บริโภคเริ่มลดการซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น
ส่วนปัจจัยอื่นที่ส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายขนมหวาน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ของทานเล่นอื่นๆที่มีวางจำหน่ายมาก กระแสการรับประทานอาหารสุขภาพ และประชากรผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยังเป็นผู้นำในการพัฒนาสินค้าขนมหวานใหม่ๆในช่วง 4 ปีนี้ โดยพัฒนาสินค้าใหม่ 42 % จากสินค้าใหม่ทั้งหมด
นาย David Jago เพิ่มเติมว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม 2551 ถึงเดือนมิถุนายน 2554 สินค้าจากธรรมชาติที่หลากหลาย หรือการลดสารปรุงแต่งและสารกันบูดได้รับความนิยมมากทั่ว EU ส่วนสินค้าที่ระบุว่าไม่เติมสารปรุงแต่งหรือสารกันบูดได้รับความนิยมมาเป็นอันดับที่ 2 ขณะที่สินค้าที่อ้างว่ามีน้ำตาลต่ำ ลดปริมาณน้ำตาล หรือไม่มีน้ำตาล เป็นสินค้าที่มีการพัฒนามากที่สุด โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา 22 % ของขนมหวานที่พัฒนาขึ้นใหม่กล่าวอ้างคุณสมบัติดังกล่าว