อู่ข้าวอู่น้ำส่วนใหญ่ของเอเชีย กำลังเผชิญภาวะน้ำท่วม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าสภาพการณ์เช่นนี้อาจทำให้ราคาอาหาร สูงขึ้นไปอีกและเป็นการเพิ่มภาระแก่เกษตรกรที่มีฐานะติดอันดับยากจนที่สุดในภูมิภาคเอเชียอยู่แล้ว
ข้าวในนาประมาณ 9.3 ล้านไรในไทย เวียดนาม กัมพูชา และลาวได้รับความเสียหาย หรือเสี่ยงที่จะถูกน้ำท่วม ท่ามกลางภาวะที่ภูมิภาคเอเชียกำลังเผชิญอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปี
ไทยซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก เป็นหนึ่งในชาติที่เจออุทกภัยร้ายแรง จนมีผู้เสียชีวิต 237 ราย และนาข้าวประมาณ 6.25 ล้านไร่ หรือ 10% ของพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมดได้รับความเสียหาย
ส่วนเวียดนามซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับสอง ก็ได้ผลกระทบจากน้ำท่วม โดยเฉพาะบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนครึ่งหนึ่งในการผลิตข้าวของเวียดนาม ในบริเวณนี้มีจังหวัดดองธับและอันเกียงเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบสูงสุด ยูเอ็นเปิดเผยว่าจากเหตุการณ์น้ำท่วมในเวียดนาม มีผู้เสียชีวิต 11 ราย บ้านเรือนกว่า 20,000 หลังถูกน้ำท่วม และนาข้าวกว่า 6 แสนไร่เสี่ยงน้ำท่วม
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในกัมพูชา เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรเผยว่านาข้าวกว่า 2 ล้านไร่มีน้ำท่วมขัง และนาข้าวเสียหายกว่า 6 แสนไร่เสียหายยับเยิน
ขณะที่ลาวก็ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจากพายุโซนร้อนซึ่งพัดเข้ามาในประเทศตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2554 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย นาได้รับความเสียหาย 3 แสนไร่ และเมื่อเดือนปลายเดือนกันยายน พืชผลได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก หลังจากเขื่อนแห่งหนึ่งที่กั้นแม่น้ำสายที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง ระบายน้ำออกมากเพราะปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาทำให้น้ำล้นเขื่อน
ขณะที่ปากีสถาน กำลังได้รับผลกระทบจากน้ำปริมาณมากที่ท่วมนาข้าวแล้วพื้นที่การเกษตรอื่นๆ ในย่านที่ทำการเพาะปลูก คาดว่าสภาพการณ์นี้สร้างความเสียหายแก่ประเทศมูลค่าเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
มาร์กาเรตา วาห์สทรอม หัวหน้าฝ่ายลดภัยพิบัติ ประจำสหประชาชาติ (UN) ระบุในแถลงการณ์ว่า ทั้งภูมิภาคจะได้รับผลกระทบจากราคาอาหารที่สูงขึ้น เพราะเก็บเกี่ยวพืชผลไม่ได้ ความเสียหายปีนี้ถือว่าร้านแรงมาก และจะต้องอาศัยระยะเวลาอีกพักหนึ่งก่อนผู้คนจะกลับมาดำเนินชีวิตตามเดิม ขณะที่โวน ทัง ซวน ผู้เชี่ยวชาญด้านข้าวของเวียดนาม กล่าวว่าสาเหตุหลักที่ทำให้น้ำท่วมหนักปีนี้ คือปริมาณฝนที่ตกลงมาหนักผิดปกติในไทยและลาว ก่อนที่จะไหลสู่แม่น้ำโขง