TH EN
A A A

อียูแก้ไขกฎระเบียบวัสดุพลาสติกและบรรจุภัณฑ์ที่สัมผัสอาหาร

9 May 2554   

                เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2554 สหภาพยุโรปตีพิมพ์กฎระเบียบว่าด้วยวัสดุพลาสติกและบรรจุภัณฑ์ที่สัมผัสอาหาร Commission Regulation (EU) No. 10/2011 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงกฎระเบียบเดิมที่เคยใช้ ซึ่งแม้แก้ไขแล้ว 6 ครั้งก็ยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากมีการคิดค้นสารใหม่ๆ ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ตลอดจนเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางกายภาพ ชีวภาพ และเคมีของบรรจุภัณฑ์อาหารไม่ให้ทำปฏิกิริยาและหลีกเลี่ยงการส่งผ่านสารไปยังอาหารหรือหากมีการส่งผ่านก็ต้องอยู่ในปริมาณต่ำที่สุด และต้องไม่มีผลในการสัมผัสอาหารมากที่สุด (maximum inertness) รวมทั้งต้องไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะทางกลิ่นรส และสีด้วย (organoleptic)

                กฎระเบียบนี้ ได้กำหนดสิ่งสำคัญดังต่อไปนี้

                1. จัดทำรายชื่อสารที่อนุญาตให้ใช้ใน Union list ตามที่ปรากฎในภาคผนวก 1 โดยแบ่งสารเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. โมโนเมอร์หรือสารตั้งต้นอื่นๆ 2. สารปรุงแต่ง แต่ไม่รวมถึงสี 3. สารช่วยในการเกิดโพลีเมอร์ ไม่รวมตัวทำละลาย 4. โมเลกุลขนาดใหญ่ที่ได้จากกระบวนการหมักเชื้อจุลินทรีย์  โดยหากสารใดไม่ได้อยู่ใน union list จะสามารถใช้เป็นสารช่วยผลิตพลาสติกได้ด้วยการอ้างอิงจากที่กำหนดไว้ในกฎระเบียบของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (National law)  หากต้องการผลิตวัสดุหรือบรรจุภัณฑ์จากสารที่ไม่ได้อยู่ใน Union list จะต้องผลิตชั้นป้องกันการส่งผ่านไม่หนาเกิน 0.01 mg/kg ของอาหาร  ในส่วนของสารประเภท Mutagenic Carcinogenic และ Reprotoxic (CMR) ไม่อนุญาตให้ใช้ต่อไป 

                2. กำหนดข้อบังคับทั่วไปของวัสดุและบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติก โดยเป็นการกำหนดค่าส่งผ่านสูงสุดของสารในระดับที่ไม่ให้มีผลร้ายต่อสุขภาพผู้บริโภคในสาร 7 ตัว ได้แก่ Barium Cobalt Copper Iron Lithium Manganese Zinc ตามปรากฎในภาคผนวก 2
 
                3. กำหนดค่าส่งผ่านสูงสุดของสารที่ไม่ให้ผลร้ายต่อสุขภาพผู้บริโภคตามกำหนดในภาคผนวก 1 ในหน่วย mg (สาร)/kg (อาหาร)

                4. กำหนดค่าส่งผ่านสูงสุดที่ไม่ให้มีผลเปลี่ยนแปลงต่ออาหารในระดับ 10 mg ของสารทั้งหมดที่สามารถส่งผ่านต่อพื้นที่ dm3 ที่สัมผัสกับอาหาร ทั้งนี้หากเป็นอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก ได้กำหนดค่าดังกล่าวไว้ที่ระดับไม่เกิน 60 mg ต่อสารประกอบทั้งหมดที่ส่งผ่านต่อกิโลกรัมของอาหาร

                  5. กำหนดประเภทอาหารที่มีการใช้ Food simulants ในอาหาร ตามภาคผนวก 3
 
                กฎระเบียบดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2554 เป็นต้นไป แต่ได้อนุโลมช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน ดังนี้ 
          
                - มาตราที่ 5 สำหรับสารเสริมที่นอกเหนือจาก plasticizers ใช้กับ plastic layers หรือ plastic coatings ที่กล่าวถึงในมาตรา 2(1)(d) ให้ปรับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2558 เป็นต้นไป

                - มาตราที่ 5 สำหรับสารเสริมที่ใช้กับ glass fibre sizing สำหรับ glass fibre reinforced plastics ที่กล่าวถึงในมาตรา 2(1)(d) ให้ปรับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2558 เป็นต้นไป

                - มาตราที่ 18(2) 18(4) และ 20 เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดด้านการตรวจหาค่าส่งผ่านของพลาสติก ให้ปรับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2555 เป็นต้นไป

 
 
ที่มา : สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป
 
 
 
 
 

Is this article useful?