ยูเอ็นเตือนประชาคมโลก เกิดวิกฤติอาหารครั้งใหม่

               โครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ เตือนทุกชาติเฝ้าระวังการเกิดวิกฤติอาหารครั้งใหม่ หลังราคาสินค้าอุปโภคบริโภคพุ่งสูงหลายเท่าตัวในหลายพื้นที่ทั่วโลก
               สำนักข่าวนิเคอิของญี่ปุ่น เผยแพร่บทสัมภาษณ์นายฌากส์ ดิอุฟ ประธานโครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ (FAO) ซึ่งเตือนให้ประชาคมโลกเฝ้าระวังการเกิดวิกฤติอาหารครั้งใหม่ เมื่อ 25 มกราคม 2554 และได้มีการอ้างอิงถึงรายงานประจำปีของเอฟเอโอ ซึ่งสำรวจความผันผวนของราคาอาหารในปี 2553 พบว่าราคาเนื้อ น้ำตาล ธัญพืช และกาแฟ มีราคาเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัวทั่วโลก จนเทียบเท่ากับราคาที่เคยสำรวจได้ช่วงเกิดวิกฤติอาหารครั้งใหญ่ในเดือนสิงหาคม 2551-2552
               รายงานของเอฟเอโอระบุด้วยว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาอาหารทั่วโลกสูงขึ้น ได้แก่ การบังคับใช้นโยบายการกีดกันสินค้า ส่งผลกระทบต่อปริมาณความต้องการที่แท้จริงของตลาดโลก ขณะที่ปัญหาภัยธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง หรือน้ำท่วม ทำลายพื้นที่ทางการเกษตรในหลายภูมิภาคทั่วโลกจนไม่สามารถผลิตอาหารเพื่อการส่งออกและไม่เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ ทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงในหลายพื้นที่
              วันเดียวกัน ศ.จอห์น เบดดิงแฮม ที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประจำรัฐบาลอังกฤษ เผยรายงานการสำรวจผลกระทบของจำนวนประชากรโลกที่มีต่อระบบการผลิตอาหารระบุว่า ในเวลาไม่เกิน 40 ปี มีแนวโน้มว่าประชากรโลกจะเพิ่มเป็น 9,000 ล้านคน ทำให้ต้องเพิ่มปริมาณการผลิตอาหารให้มีจำนวนมหาศาล เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของคนทั้งโลก จึงเสนอให้แต่ละรัฐบาลทั่วโลกปรับเปลี่ยนนโยบายการผลิตสินค้าการเกษตร โดยเสนอให้เพิ่มเงินสนับสนุนผู้ประกอบการ รวมถึงพิจารณาส่งเสริมให้มี การนำพืชตัดต่อพันธุกรรม (GMOs) ที่ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์ธรรมชาติมาทดลองปลูก