อียูเตรียมเป็นผู้น้ำเข้าสัตว์ปีกสุทธิหลังความต้องการเพิ่มสูงขึ้น

               สหภาพยุโรปจะกลายเป็นผู้นำเข้าเนื้อสัตว์ปีกสุทธิภายในปี 2559 เนื่องจากความต้องการบริโภคสัตว์ปีกในสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าการกำลังการผลิตที่สหภาพยุโรปทำได้
 คณะกรรมาธิการแห่งสหภาพยุโรป ระบุว่า สหภาพยุโรปจะนำเข้าสัตว์ปีกมากกว่าการส่งออกเป็นปริมาณ 155,000 ตัน ภายในปี 2562 โดยค่าเงินยูโรที่แข็งค่า และราคาสัตว์ปีกที่สูงขึ้นจะเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกสัตว์ปีกไปนอกกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป
               ทั้งนี้ สัตว์ปีกที่มีต้นทุนต่ำจะช่วยกระตุ้นการบริโภคเนื้อสัตว์ปีกซึ่งสะดวกกว่าเมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์อื่น คาดว่าประชาชนกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปจะบริโภคเนื้อสัตว์ปีกเฉลี่ย 24.7 กิโลกรัม ภายในปี 2562 จากเดิมที่ปี 2553 บริโภค 23.2 กิโลกรัม
 คาดการณ์ว่าภายในปี 2562 ผลผลิตเนื้อสัตว์ปีกของสหภาพยุโรปจะเพิ่มขึ้นเป็น 12.47 ล้านตัน จากเดิม 11.64 ล้านตันในปี 2553 ขณะที่การบริโภคเนื้อสัตว์ปีกจะเพิ่มขึ้นเป็น 12.71 ล้านตัน จากเดิม 11.58 ล้านตันในปี 2553
               นอกจากนี้ ยังคาดว่าการประชากรในสหภาพยุโรปจะบริโภคเนื้อวัว  เนื้อลูกวัว และเนื้อสุกรเพิ่มขึ้นภายใน 10 ปี เนื่องจากมีการบริโภคเนื้อแกะและเนื้อแพะลดลง ทั้งนี้ สหภาพยุโรปอาจคงสถานะเป็นผู้ส่งออกสุทธิเนื้อสุกรในขณะที่การค้าเนื้อวัวในสหภาพยุโรปมีเพิ่มขึ้น