TH EN
A A A

อาหารอินทรีย์เผชิญระเบียบใหม่ GMO ของสหราชอาณาจักร

12 February 2550   
               รัฐบาลสหราชอาณาจักรเสนอร่างระเบียบใหม่อนุญาตให้มี GMO  ในอาหารอินทรีย์ได้ไม่เกิน 0.9%  โดยไม่ต้องมีการติดฉลากระบุว่ามี GMO  ผลจากการหารือผู้เกี่ยวข้องโดยพิจารณาจากข้อเท็จจริงจากการมีอยู่ของพืช GMO , พืชไม่ใช่ GMO และพืชอินทรีย์ในอังกฤษ
              ผู้แทนธุรกิจเกษตร-อาหารอินทรีย์ 74  แห่งได้พบกันเพื่อแสดงความวิตกเกี่ยวกับเรื่องนี้ในการประชุมซึ่งจัดโดยกลุ่มอินทรีย์ในสมาพันธ์อาหารและเครื่องดื่ม และสมาคมดิน โดย Alex Smith  ประธานกลุ่มอินทรีย์ในสมาพันธ์ฯ ระบุว่า“มีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่า เหตุผลหลักที่ผู้บริโภคซื้อสินค้าอินทรีย์คือต้องการหลีกเลี่ยงอาหาร GMO  หากข้อเสนอดังกล่าวได้รับการยอมรับและนำไปปฏิบัติผลกระทบจะเกิดแก่ผู้ผลิต  แปรรูปและผู้ค้าเกษตรอินทรีย์
ธุรกิจอินทรีย์จะเผชิญกับปัญหาความเสี่ยงของการปนเปื้อน GMO การเรียกคืนสินค้าและการสูญเสียคุณค่าของตนเองต่อผู้บริโภค”  และระบุว่า  รัฐบาลได้เพิ่มความเสี่ยงให้กับธุรกิจที่เติบโตเร็วที่สุด  โดยยอดขายสินค้าอินทรีย์ของ TESCO เพิ่มขึ้น 39% จากปีที่แล้ว
              ข้อมูล AC Nielsen แสดงว่า ยอดขายสินค้าอินทรีย์ของ Sainburys’ เพิ่ม 18.4%  ต่อปี และมูลค่าตลาดสินค้าอินทรีย์ของยุโรปมูลค่า 20.7 พันล้านยูโรในปี 2549  เพิ่มขึ้น 26% จากปี 2544
              อย่างไรก็ตาม สมาคมยุโรปเพื่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ระบุว่า เร็วๆนี้  เกษตรกรยุโรปได้มีการปลูกพืช GMOs แล้ว  นอกจากนี้ Mariann Fischer Boel  สมาชิกกรรมาธิการยุโรปซึ่งรับผิดชอบการเกษตรและพัฒนาชนบทชี้ว่า  ปัจจุบันพืช  GMOs ที่จะอนุญาตให้ปลูกได้จะต้องผ่านการประเมินความเสี่ยงของสหภาพยุโรปแล้วว่าปลอดภัยซึ่งเป็นระบบที่เข้มงวดที่สุดในโลก
              Peter Melchett  ผู้อำนวยการนโยบายของสมาคมดิน เห็นว่าผู้บริโภคควรมีสิทธิที่จะเลือกบริโภคอาหาร GMO หรือ อาหารที่ไม่ใช่ GMO  และควรมีการติดฉลากให้ชัดเจน และเห็นว่า ควรจะใช้ระดับ GMO ที่ 0.1%
ในการติดฉลาก

อ้างอิงจาก : Food navigator

Is this article useful?