องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เปิดเผยว่า ในปี 2553 ผลผลิตข้าวทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 4% อยู่ที่ 710 ล้านตัน โดยส่วนมากเพิ่มขึ้นจากเอเชีย ซึ่งจะมีผลผลิตสูงถึง 643 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2542 ถึง 29 ล้านตัน โดยจีน พม่า ไทย สหรัฐฯ ปากีสถาน จะเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ ในขณะที่บังกลาเทศ อิรัก เนปาล ศรีลังกา และฟิลิปปินส์ จะซื้อข้าวเพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยการขาดแคลนในประเทศ เนื่องจากภาวะแห้งแล้งและน้ำท่วมที่สร้างความเสียหายแก่การเพาะปลูก
การนำเข้าโดยประเทศในสหภาพยุโรปและละตินอเมริกามีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน แต่ประเทศในแอฟริกาอาจลดการนำเข้าเล็กน้อย จีน พม่า ไทย สหรัฐฯ และโดยเฉพาะปากีสถาน จะเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ในปีนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก FAO คาดว่า การบริโภคข้าวทั่วโลกในปี 2553 จะเพิ่มขึ้น 2.1% เป็น 454 ล้านตัน ทั้งนี้ ไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดในโลกในช่วง 5 ทศวรรษที่ผ่านมา
FAO ประเมินว่า ผลผลิตข้าวทั่วโลกอยู่ที่ระดับ 680 ล้านตันในปีที่แล้ว ลดลง 1% จากปี 2551 ส่วนใหญ่เป็นการลดลงในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งได้รับผลกระทบจากอากาศแปรปรวน และปรากฏการณ์เอลนีโญ
ผลผลิตข้าวในแอฟริกาก็ลดลงเช่นกัน ในปีที่ผ่านมาขณะที่ผลผลิตในละตินอเมริกา แคริบเบียน สหภาพยุโรป อเมริกาเหนือ และโอเชียเนีย ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ก่อนหน้านี้ AFO ทำนายว่าผลผลิตข้าวของไทยอาจลดลงเหลือ 7 ล้านตันในปีนี้ จาก 8.4 ล้านตันเมื่อปี 2552 เป็นผลจากอากาศที่แห้งแล้งผิดปกติ และระดับน้ำที่ลดลงในแม่น้ำโขง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตข้าวในเวียดนามด้วย