นาย ธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยว่า จากการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับผู้แทนและเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านกฎหมายจาก ประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสาม ผู้แทนคณะกรรมการสำรองอาหารแห่งอาเซียน ผู้แทนจากธนาคารเพื่อพัฒนาแห่งเอเชียปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณารูปแบบเงินทุนสนับสนุนการจัดตั้งองค์กรถาวรเพื่อการสำรอง ข้าวฉุกเฉินของประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสาม (APTERR) แทนโครงการนำร่องเพื่อระบบการสำรองข้าวในเอเชียตะวันออก ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 นี้
ทั้งนี้ การจัดตั้งองค์กรถาวรฯ ดังกล่าวมียอดเงินกองทุนรวม 4 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ ใช้เวลา 5 ปี โดยขอให้จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี บริจาคประเทศละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนประเทศอาเซียนรวมกันบริจาคในวงเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 จำนวน 3 ประเทศ คือลาว กัมพูชา และพม่า บริจาคประเทศละ 83,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ส่วนประเทศที่เหลืออยู่ในกลุ่มที่ 2 รวมถึงไทยบริจาคประเทศละ 107,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีจนครบ 5 ปี
ช่วง ดำเนินการจัดหาเงินกองทุนจนกว่าจะได้ครบ จำเป็นต้องมีเงินเพื่อใช้บริหารงานปีละประมาณ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งรวมค่าข้าวประมาณ 150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จึงขอให้ประเทศสมาชิกให้การสนับสนุน จนกว่าจัดตั้งกองทุนเสร็จ
การ จัดตั้งองค์การถาวรเพื่อการสำรองข้าวฉุกเฉิน จะทำให้ประโยชน์ด้านความมั่นคงทางอาหารกรณีฉุกเฉิน โดยไทยจะได้รับประโยชน์อย่างมากในการสร้างศักยภาพผู้นำตลาดข้าวโลก ด้วยการควบคุมดูแลระบบการซื้อ-ขาย การระบายสต็อกข้าวของภูมิภาคและเป็นช่องทางในการระบายข้าวของประเทศได้อีก ทางหนึ่ง พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพราคาข้าวโลกด้วย
นอก จากนี้ยังเป็นศูนย์กลางบริหารจัดการข้อมูลด้านอาหาร โดยเฉพาะข้อมูลข้าวส่งผลดี ต่อการกำหนดนโยบายและมาตรการข้าวของประเทศตลอดจนสามารถควบคุมกลไกระบายข้าว ของอาเซียนบวกสามอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าวนอกภูมิภาคเข้ามาส่งผลกระทบ
