นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย คาดว่าการส่งออกข้าวของพม่าในปี 2553 จะมากกว่า 1.5 ล้านตัน โดยมีราคาอยู่ที่ 350 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ซึ่งต่างจากราคาข้าวไทยถึง 150 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ทำให้ไทยตกอยู่ในภาวะลำบากทั้งถูกกดดันจากพม่าและเวียดนาม
แม้ว่า ปี 2552 ไทยจะเป็นผู้นำในการส่งออกข้าวได้ถึง 8.57 ล้านตันและเวียดนามก็มีการส่งออกข้าวถึง 5.95 ล้านตัน แต่ถ้าพิจารณาข้าวขาวแล้วจะพบว่าความสามารถในการแข่งขันของไทยลดลงเมื่อเทียบกับเวียดนามที่มีราคาต่างกันถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน และล่าสุดยังมีพม่าที่มีราคาข้าวขาวอยู่ที่ 150 ดอลลาร์สหรัฐฯ
นายชูเกียรติ ยังกล่าวอีกว่า พม่าถือเป็นคู่แข่งที่มีศักยภาพมากขึ้น เพราะพื้นที่เพาะปลูกมีความสมบูรณ์ ซึ่งจะสามารถผลิตข้าวได้ถึงปีละ 30 ล้านตัน นอกจากนี้ ไทยยังมีเวียดนามเป็นคู่แข่งที่สามารถส่งออกข้าวได้ปีละ 5-6 ล้านตัน ในขณะที่จากเดิม อินเดียต้องการนำเข้าข้าวไม่ต่ำกว่า 2 ล้านตัน แต่ล่าสุดอินเดียสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตข้าวสาลีมากขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องนำเข้าข้าว
นอกจากนี้ ข้าวหอมมะลิไทยยังต้องแข่งกับข้าวหอมมะลิคุณภาพรองของเวียดนามซึ่งมีราคาต่ำกว่า 400 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ทำให้ตลาดข้าวหอมมะลิไทยอย่างสิงคโปร์หันไปนำเข้าข้าวหอมมะลิเวียดนามเพิ่มขึ้น และยังมีข้าวแจสแมนของสหรัฐฯ ซึ่งมีคุณภาพดีกว่า เพียงแต่สหรัฐฯไม่ได้เน้นการผลิตเพื่อส่งออกเหมือนไทย