นาย Thomas Farley หัวหน้าสำนักงานสาธารณสุขของนิวยอร์ก กล่าวว่า นโยบายที่รณรงค์ให้ร้านอาหารและผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปลดการใช้เกลือลง 25% ภายในปี 2558
ปัจจุบัน ชาวอเมริกันบริโภคเกลือมากกว่าที่แนะนำให้บริโภคต่อวันถึง 2 เท่า ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ทั้งนี้ 80% ของเกลือที่ควรบริโภคต่อวันนั้นมีอยู่แล้วในอาหารทั่วไป ดังนั้น หากผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปหรือร้านค้าสามารถลดปริมาณการใช้เกลือลง จะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการบริโภคเกลือมากขึ้น
แนวคิดการลดการใช้เกลือนี้ มีหน่วยงานจากหลายองค์กรเข้าร่วม โดยมีผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป 61 ชนิด ร้านอาหาร 25 ร้าน ที่มีเป้าหมายจะลดการใช้เกลือภายในปี 2555 และ 2557 ตามลำดับ โดยเริ่มลดตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553 ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว ได้ระบุปริมาณเกลือที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน (RDI) สำหรับผู้ใหญ่อายุ 40 ปีขึ้นไป และชาวแอฟริกัน-อเมริกันไว้ที่ 1,500 มิลลิกรัม และสำหรับคนที่อยู่นอกเหนือจากกลุ่มนี้จะอยู่ที่ 2,300 มิลลิกรัม
ทั้งนี้ เนื้อสัตว์เป็นอาหารที่มีเกลือมากเป็นอันดับ 3 นอกจากนั้น อาหารชนิดอื่นที่มีเกลือเป็นส่วนประกอบสูง ได้แก่ ขนมขบเคี้ยว เนยแข็ง นม ขนมปังขาว และมีอาหารบางชนิดที่ไม่มีรสเค็ม แต่มีเกลือเป็นส่วนประกอบสูง เช่น ขนมปัง มัฟฟิน ปัจจุบัน หลายประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญต่อการรณรงค์ให้ลดการใช้เกลือ เช่น แคนาดา ออสเตรเลีย ฟินแลนด์ ไอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ และสหราชอาณาจักรที่มีนโยบายลดการใช้เกลือ 40% ในผลิตภัณฑ์อาหารบางชนิด