นายธีระ สูตะบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกับนายสมัย เจริญช่าง ประธานกรรมการบริหารสถาบันมาตรฐานอาหารฮาลาล สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ได้มีการหารือเพื่อผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารฮาลาลสู่โลก หรือ ฮับ เนื่องจากเชื่อว่าไทยมีศักยภาพในการผลิตสูง
อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญของไทยคือ การผลิตให้ได้ตามหลักศาสนบัญญัติอย่างเคร่งครัด จึงให้สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร (มกอช.) เจรจาและเชิญผู้แทนของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ) มาตรวจสอบมาตรฐานการผลิตอาหารฮาลาลของไทย เพื่อขยายโอกาสส่งออกอาหารฮาลาลของไทยไปสู่ประเทศอิสลามเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีมูลค่าตลาดโลกสูงถึง 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้น หากไทยสามารถผ่านด่านของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ก็จะง่ายที่จะเป็นที่ยอมรับของอิสลามทั่วโลก
ด้านนายสมัย กล่าวว่า เมื่อปลายปี 2548 ที่ผ่านมา ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้งดนำเข้าสินค้าอาหารอาลาลจากทุกประเทศทั่วโลก พร้อมกำหนดเงื่อนไข 4 ข้อของอาหารฮาลาลที่จะนำเข้าไปจำหน่าย ได้แก่ 1 มาตรฐานการผลิตต้องถูกต้องตามหลักศาสนา 2 ต้องให้เจ้าหน้าที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตรวจสอบโรงงานผลิต 3 ได้มาตรฐานโรงเชือดตามหลักศาสนา และ 4 ต้องมีที่ปรึกษาประจำโรงงานผลิตการผลิตตลอด
จากข้อกำหนดดังกล่าว กระทรวงเกษตรฯ จึงได้ร่วมกับ มกอช. กรมปศุสัตว์ และคณะกรรมการสถาบันอาหารฮาลาลจัด
อบรมเจ้าหน้าที่ในด้านดังกล่าว และได้รับการรับรองถูกต้องเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯจะต้องเร่งเชิญเจ้าหน้าที่ของประเทศสหรับอาหรับเอมิเรตส์มาเยี่ยมชม เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากอิสลามทั่วโลก
ปัจจุบันส่วนแบ่งตลาดอาหารฮาลาลของไทยยังน้อยมากเพียงปีละ 8 พันล้านบาทจากยอดส่งออกอาหารของไทยไปทั่วโลก 5 แสนล้านบาท ซึ่งในปีหน้าจะมียอดส่งออกเพิ่มขึ้นอีก 3.5 พันล้านบาท
โพสต์ทูเดย์
