TH EN
A A A

ชาวประมงผวา ‘อินโดฯ’ จมเรือ100 ลำเบนเข็มเข้าน่านน้ำพม่า

25 November 2552   
                 
ผู้ว่าราชการจังหวัดระนองเตือนผู้ประกอบการประมงห้ามรุกล้ำน่านน้ำอินโดนีเซีย หลังรัฐบาลอินโดนีเซียใช้มาตรการตอบโต้ถึงขั้นจมเรือ หากพบการฝ่าฝืน นายกสมาคมยอมรับกองเรือไทยหันกลับประเทศเล็งเข้าพม่าแทน

                       ร่างแก้ไขปรับปรุงกฎหมายประมงอินโดนีเซีย มีประเด็นที่สำคัญ คือ การให้อำนาจเจ้าหน้าให้สามารถทำลายเรือประมงโดยการเผาหรือจมเรือประมงที่มิใช่สัญชาติอินโดนีเซียและเข้ามาทำการประมงในน่านน้ำอินโดนีเซียอย่างผิดกฎหมาย เพราะถือว่าเป็นการก่ออาชญากรรมทางการประมง นอกจากนี้ยังยกเลิกระบบสัมปทานเปลี่ยนเป็นร่วมทุนกับผู้ประกอบการท้องถิ่นแทน และไม่อนุญาตให้ขนปลาที่จับขึ้นที่ท่าเรือประมงของอินโดนีเซียกลับมายังไทย
          
                       นายทวี บุญยิ่ง ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารสมาคมประมงแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมประมงจังหวัดระยอง เปิดเผยว่า พื้นที่ทำประมงสำคัญของไทย 2 แห่งที่อยู่บริเวณอินโดนีเซีย คือ ทะเลจีนใต้และเขตน่านน้ำอาราปูล่า ที่มีกองเรือประมงจากไทยเข้าไปทำการประมงประมาณ 1,000 ลำ มาตรการที่เกิดขึ้นทำให้เรือประมงส่วนหนึ่งที่เดินทางกลับจากอินโดนีเซียมุ่งจะขยายเข้าไปทำประมงในน่านน้ำพม่าแทนกว่า 100 ลำ ทำให้ผู้ประกอบการประมงในเขตจังหวัดระนอง ซึ่งมีกองเรือประมง 3,000 ลำ ซึ่งปัจจุบันเข้าไปจับปลาในเขตน่านน้ำพม่ากว่า 200 ลำ กำลังหวาดวิตกว่ากองเรือจากอินโดนีเซียที่เบนเข็มเข้าไปในน่านน้ำพม่าจะนำไปสู่การแย่งชิงทรัพยากรการประมงที่มีอยู่เดิม

                      ปัจจุบันมีเรือประมงพม่าออกทำการในน่านน้ำพม่าไม่ต่ำกว่า 4,000 ลำ หากรวมกับกองเรือประมงไทยและชาติอื่นไม่น่าจะต่ำกว่า 5,000 ลำ ซึ่งหากมีเรือประมงเข้าไปจับปลาในเขตน่านน้ำพม่ามากขึ้น อาจส่งผลให้ทรัพยากรสัตว์น้ำลดลงและอาจทำให้หมดไปภายในเร็ววัน ดังนั้นไทยจึงควรเจรจากับพม่าถึงความเป็นไปได้ของการทำประมงในน่านน้ำพม่า และควรมองหาช่องทางในการทำประมงแหล่งอื่น เช่นเขตน่านน้ำในประเทศอินเดีย
 
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

Is this article useful?