นางจิรนันท์ วงษ์มงคล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าต่างประเทศ ประจำกัมพูชา เผยว่า จากกรณีที่ไทยจะลดภาษีนำเข้าข้าว 0% จากปัจจุบันอัตราภาษีอยู่ที่ 5% ตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 มกราคม 2553 ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะมีการนำเข้าข้าวจากกัมพูชามากขึ้นนั้นในด้านกัมพูชาก็มีความกังวลในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน เพราะโดยปกติกัมพูชาจะนำเข้าข้าวเหนียวจากไทยปีละ 5-6 ล้านบาท ดังนั้นการลดภาษีน่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการส่งออกข้าวเหนียวของไทย
ปัจจุบันกัมพูชาเพิ่มพื้นที่ปลูกข้าว 2 ล้านไร่ ส่วนใหญ่เป็นข้าวสุมาลีซึ่งลักษณะคล้ายข้าวขาว 15% และข้าวเนียงมะลิ/ผกามะลิ ลักษณะคล้ายข้าวหอมมะลิสุรินทร์ของไทยซึ่งถือเป็นข้าวคุณภาพดีนิยมปลูกบนพื้นที่ตอนกลางของประเทศ โดยจะส่งออกไปขายที่เวียดนามเป็นหลักเพราะใกล้และมีความสัมพันธ์มากกว่าไทย ทั้งยังสามารถส่งออกไปฮ่องกง ฝรั่งเศส และมีราคาแพงกว่าข้าวมะลิของไทยตันละ 40 ดอลลาร์สหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม สำหรับอนาคตธุรกิจด้านเกษตรยังมีโอกาสเติบโตได้ดีในกัมพูชา โดยก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลกัมพูชามีการให้เช่าพื้นที่สัมปทานของรัฐบาลระยะยาว 99 ปี โดยที่ผ่านมามีบริษัทไทยลงนามทำสัญญาเข้าไปลงทุนดำเนินกิจการด้านเกษตรกับเอกชนกัมพูชาแล้ว 2 ราย ได้แก่ 1) ร่วมกับบริษัทซิสโต (Sitto) ลงทุนด้านระบบชลประทาน และ 2) บริษัท Suoycheng ลงทุนพัฒนาการผลิตข้าวที่ได้สัมปทานที่ดินรัฐบาล เมืองเสียมราฐ เป้าหมายที่ 7,000 เฮกตาร์ โดยจะเริ่มทำเฟสแรก 500 เฮกตาร์ หรือ 3,000 ไร่