Tom Vilsack เลขาธิการกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ เรียกร้องให้ผู้ประการธุรกิจบรรจุเนื้อที่สมัครใจติดฉลากประเทศแหล่งกำเนิดสินค้า (COOL) และตั้งกฎเกณฑ์การติดฉลากเนื้อสัตว์ที่เข้มงวดมากขึ้นกว่า Bush rule ซึ่งกำหนดให้ผู้บรรจุเนื้อสามารถระบุฉลากเนื้อสัตว์ว่ามาจากหลายแหล่งกำเนิด (Mix origin) ใน
กรณี
ที่ผลิตภัณฑ์ประกอบไปด้วยวัตถุดิบชนิดเดียวกันแต่มาจากหลายประเทศ และผู้แปรรูปต้องทวนตรวจสอบข้อมูลเนื้อบดจากโรงงานที่นำเข้า ภายใน 60 วัน แต่อย่างไรก็ตาม Vilsack แนะว่า อยากให้ลดเวลาลงเป็น 10 วัน และ ผู้แปรรูปน่าจะร่วมกันสมัครใจระบุข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการผลิตและแปรรูปที่เกิดขั้นในแต่ละประเทศเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ผู้บริโภค
การติดฉลากประเทศแหล่งกำเนิดนั้นเริ่มมีร่างระเบียบสุดท้ายตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2551 และจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 16 มีนาคม ปีนี้ ผู้ขายปลีกและผู้ส่งสินค้าที่ไม่ปฏิบัติตาม มีค่าปรับไม่เกิน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อการผ่าฝืนหนึ่งครั้ง
ทั้งนี้สินค้าที่จำเป็นต้องติดฉลาก COOL ได้แก่ เนื้อวัว เนื้อไก่ เนื้อแกะ เนื้อแพะ ปลา สินค้าเกษตรที่เน่าเสียได้ง่าย โสม ถั่วแมคคาเดเมียร์ ถั่วพีแคน และถั่วลิสง ส่วนสินค้าอาหารแปรรูป (Altered food) นั้นได้รับการยกเว้น
กฎระเบียบใหม่นี้จะรวมถึงการติดฉลากสำหรับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้ออย่างน้อย 10% ของน้ำหนักทั้งหมดที่ขายสู่ผู้บริโภค คาดว่าการปรับปรุงนี้จะไม่ทำให้ภาระที่หนักต่อผู้แปรรูปและผู้ขายปลีก เนื่องจากปัจจุบันนี้มีระบบการตรวจสอบย้อนกลับ ซึ่งทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบแหล่งที่มาของส่วนประกอบต่างๆ
ที่มา :
Food Production Daily