รัฐบาลเวียดนาม กล่าวว่า การส่งออกข้าวปีนี้ของเวียดนามสามารถเพิ่มขึ้นถึง 6.4% เนื่องจากสภาพอากาศที่ทำให้สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้มากขึ้นและการเก็บสต็อคข้าวในคลังสินค้าที่เพียงพอ ทำให้สามารถเพิ่มการขนส่งข้าวเพื่อการส่งออกได้
Diep Kinh Tan รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร เวียดนาม กล่าวว่า เวียดนามเป็นประเทศส่งออกข้าวใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก และอาจจะเพิ่มปริมาณการส่งออกเป็น 5 ล้านตัน เมื่อเปรียบเทียบปริมาณส่งออกจำนวน 4.7 ล้านตัน ของปี 2551 เนื่องจากสภาพอากาศในพื้นที่เพาะปลูกหลักในแถบแม่น้ำโขงนั้น เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกพืชเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้การส่งออกในเดือนมกราคมของเวียดนามนั้นมีปริมาณถึง 300,000 ตัน ทำลายสถิติการส่งออกของแต่ละเดือน ซึ่งนับเป็นมูลค่ากว่า 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กล่าวได้ว่าปริมาณการส่งออกข้าวนั้นเพิ่มขึ้นถึง 129% และมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 152% อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับปริมาณของน้ำหนักที่ท่าจอดเรือสามารถรองรับได้จึงทำให้ไม่สามารถเพิ่มปริมาณการส่งออกได้มากเท่าที่ควร
การส่งออกข้าวที่มากขึ้นนั้น อาจจะทำให้เวียดนามสามารถเพิ่มรายได้ของประเทศจากการเกษตรเพื่อเป็นการชดเชยการลดลงทางด้านอุตสาหกรรมการผลิตเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัวอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลเกี่ยวกับราคาข้าวที่ลดลง 19% ในปีนี้ตามราคาตลาดซื้อขายล่วงหน้าของชิคาโก
คุณสุเมธ เหล่าโมราพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี อินเตอร์เทรด จำกัด กล่าวว่าผลผลิตของเวียดนามที่เพิ่มขึ้น 300,000 ตันนั้นไม่มากนัก เนื่องจากบริษัทได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงทำให้อาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อไทย
ทั้งนี้ข้าวในตลาดการซื้อขายที่ชิคาโกนั้นอยู่ที่ 12.415 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 100 ปอนด์ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วนข้าวขาวไทยเกรด บี 100% ซึ่งเป็นราคามาตรฐานของเอเชีย นั้นตั้งราคาที่ 624 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน อ้างอิงราคาจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2552 อย่างไรก็ตาม ไทยก็ยังคงเป็นผู้ส่งออกข้าวลำดับต้นๆ