เวียดนามกำลังส่งออกข้าว 400,000 ตันในเดือนสิงหาคมนี้เป็นครั้งแรกหลังจากที่รัฐบาลอนุญาตให้กลับมาส่งออกได้อีกครั้งหนึ่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ราคาในตลาดโลกปัจจุบันลดต่ำลงมากเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่ผ่านมา การส่งออกเดือนนี้จะทำให้ยอดส่งออกข้าวทั้งหมดเพิ่มเป็น 3.5 ล้านตัน
ปัจจุบันราคาข้าวผสมเมล็ดหัก 5% จากไทยจำหน่ายราคา 700-720 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ขณะที่ข้าวเวียดนามขายได้ 320-630 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
Tran ba Hoan รองประธานสมาคมผู้ส่งออกข้าวเวียดนาม VietFood กล่าวว่าปัญหายังมีมากกว่านี้ ปัจจุบันรัฐบาลยังไม่ลดเพดานค่าธรรมเนียมส่งออกที่ตั้งเอาไว้เมื่อครั้งห้ามส่งออกข้าว นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเงินด่องของเวียดนามสูงลิ่วทำให้ผู้ส่งออกขาดทุนมาก สมาคมแนะนำให้ผู้ส่งออกหาสินเชื่อเป็นเงินสกุลต่างประเทศในการนำไปซื้อข้าวจากชาวนาเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า
ศาตราจารย์ หวอต่อซง นักวิชาการที่เคยคัดค้านนโยบายของรัฐบาลเวียดนามเรื่องการห้ามส่งออกโดยเสนอให้ส่งออกในช่วงที่ราคาในตลาดโลกกำลังพุ่งสูงกล่าวว่า การส่งออกข้าวปีนี้ถือเป็นบทเรียน เพราะการส่งออกในช่วงนี้ทำให้ขาดรายได้ที่ควรไปมาก ผู้ส่งออกและชาวนาขาดทุนเนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อ ต้นปี 2551 สหรัฐฯ ปรับนโยบายพลังงาน ทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งสูง ฟิลิปปินส์ต้องขอซื้อข้าวจากเวียดนามในราคา 700 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จากราคาเสนอซื้อก่อนหน้านี้เพียงข้ามเดือน 450 ดอลลาร์ต่อตัน แต่หลังจากนั้นผู้ส่งออกเวียดนามต้องหยุดเซ็นสัญญาซื้อขาย ปล่อยให้ไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวเพียงผู้เดียวและขายได้ราคา 1,000-1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หลายเดือนมานี้ ประเทศต่างๆ เร่งขยายพื้นที่ทำนาอย่างกว้างขวางทั้งในเวียดนาม ไทย มาเลเซียหรืออินโดนีเซีย ทำให้ผลผลิตข้าวออกสู่ตลาดโลกมากขึ้น ในขณะที่ความต้องการลดลง และวิจารณ์ว่าการประกาศให้ส่งออกข้าวได้อีกครั้งในขณะที่ราคาตลาดโลกต่ำลงเป็นปัญหาจากการสำรวจตัวเลขปริมาณสำรองที่ไม่แน่นอน และการคำนวณสถานการณ์ราคาในตลาดผิดพลาด
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน